Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

วิเคราะห์กระเป๋าเงิน: อาวุธใหม่ในตลาดคริปโต สะท้านราคา OM ร่วง 90% ชั่วข้ามคืน

วิเคราะห์กระเป๋าเงิน: อาวุธใหม่ในตลาดคริปโต สะท้านราคา OM ร่วง 90% ชั่วข้ามคืน / Tokenpost

ในโลกของคริปโต ข้อมูลไม่ได้เป็นเพียงแค่ 'พลัง' แต่กลายเป็น 'อาวุธ' เลยทีเดียว กรณีล่าสุดของโทเคน OM จากโครงการมันทรา(Mantra) ที่ราคาร่วงลงกว่า 90% ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง กลายเป็นตัวอย่างชัดเจนที่สะท้อนถึงอิทธิพลของ 'วิเคราะห์กระเป๋าเงิน' หรือ Wallet Intelligence ซึ่งสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมกระเป๋าบนบล็อกเชน ทิศทางเงิน และรูปแบบการซื้อขายแบบเรียลไทม์ เพื่อเปิดโอกาสให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบในการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ในตลาด

เทคโนโลยีการวิเคราะห์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาอย่างเข้มข้นโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลบล็อกเชน เช่น เชนเอนาลิซิส(Chainalysis) และอาร์คัม อินเทลลิเจนซ์(Arkham Intelligence) ที่สามารถแปลงข้อมูลบนเชนที่โปร่งใสให้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทางกฎหมาย คาดเดาความเคลื่อนไหวตลาด และวางกลยุทธ์การลงทุน แต่ในขณะเดียวกัน ความโปร่งใสของระบบบล็อกเชนก็เริ่มเผยอีกด้านที่เป็น ‘ดาบสองคม’

เหตุการณ์ราคาทรุดของ OM ถือเป็นตัวอย่างของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจริง รายงานเปิดเผยว่ามีการเปิดสถานะขายชอร์ตขนาดใหญ่ในตลาดฟิวเจอร์สไร้กำหนดของ OM บนไบแนนซ์ จนเกิดแรงขายต่อเนื่องจากการบังคับปิดสถานะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือ โทเคน OM กว่า 90% อยู่ในมือกลุ่มคนภายใน และข้อมูลด้านการซื้อขายนอกตลาดนั้นไม่มีการเปิดเผยแต่อย่างใด ในสภาวะที่ขาดสภาพคล่องและความโปร่งใส กลยุทธ์ที่ใช้ข้อมูลอย่างแม่นยำสามารถทำให้มูลค่าตลาดขนาดใหญ่ระเหยไปชั่วข้ามคืน

สถานการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ในวิกฤตของ FTX ก็มีช่องโหว่ในโครงสร้างคล้ายกัน แม้เจ้าหน้าที่กำกับดูแลจะไม่สามารถจับสัญญาณทันเวลา แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลบล็อกเชนบางรายสามารถตรวจสอบความผิดปกติของกระแสเงินระหว่างฟิอัตและอาลาเมดา รีเสิร์ชได้ตั้งแต่ต้น ภายหลังที่มีการรั่วของงบดุลและการถอนเงินจำนวนมหาศาล ข้อมูลวิเคราะห์จากการเคลื่อนไหวของกระเป๋าเงินกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิสูจน์การทุจริตและติดตามเส้นทางของเงินผู้ใช้งาน

แต่ในขั้นต่อไป สิ่งที่ต้องจับตาคือ เครื่องมือวิเคราะห์กระเป๋าเงินอาจไม่ได้ถูกนำมาใช้เพื่อปกป้องผู้ใช้งานอีกต่อไป แต่กลับใช้เป็นเครื่องมือการตรวจสอบและควบคุม พฤติกรรมแบบ On-chain ที่ครั้งหนึ่งเคยถือเป็นหลักฐานแห่งความ 'ไว้วางใจ' กลับกลายเป็นข้อมูลที่ถูกใช้เพื่อติดตาม ประเมินความเสี่ยง และอาจกลายเป็นพื้นฐานสู่การเซ็นเซอร์แบบล่วงหน้า นอกจากนี้ บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเพียงไม่กี่แห่งยังมีอำนาจในการตัดสินใจว่ากระเป๋าใดถูกมองว่า ‘มีพฤติกรรมน่าสงสัย’ หรือควรถูก 'แบน' ซึ่งขัดกับหลักการของการกระจายอำนาจโดยสิ้นเชิง

ด้วยเหตุนี้ การใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์กระเป๋าเงินจึงอาจเสี่ยงต่อการสร้างความผันผวนรูปแบบใหม่ รวมถึงเปิดช่องให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านข้อมูล ที่อาจบั่นทอนคุณค่าของคริปโตที่เน้น ‘ไร้ตัวกลาง’ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเทคโนโลยีบล็อกเชน

ในอนาคต ผู้ใช้งานคริปโต หน่วยงานรัฐ และนักพัฒนาจะต้องปรับบทบาทของตนอย่างชัดเจน ผู้ใช้งานต้องเข้าใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกติดตามและนำไปใช้อย่างไร หน่วยงานควบคุมควรมีความรู้ด้านเทคนิคเพื่อกำหนดนโยบายที่เหมาะสม และนักพัฒนาควรลดการพึ่งพาเครื่องมือวิเคราะห์แบบรวมศูนย์ พร้อมเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านความเป็นส่วนตัวแบบกระจายศูนย์ด้วยซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส

สุดท้าย เครื่องมือวิเคราะห์กระเป๋าเงินจะไม่หายไปจากวงการ สิ่งสำคัญคือ ใครคือผู้ใช้เครื่องมือเหล่านั้น และใช้อย่างไร ชะตากรรมของระบบนิเวศคริปโตจะถูกกำหนดโดยเจตนาของผู้ที่มีอำนาจในการตีความข้อมูลแต่ละรายการ — ว่าจะรักษาเส้นทาง ‘ไร้ศูนย์กลาง’ หรือหันหลังให้กับหลักการนั้นโดยสิ้นเชิง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1