นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ถือครองกองทุนอีเธอเรียม(ETH)แบบสปอต ETF จากสองบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ *แบล็คร็อก(BlackRock)* และ *ฟิเดลิที(Fidelity Investments)* กำลังเผชิญกับ ‘การขาดทุนอย่างมาก’ ตามรายงานล่าสุดจาก *Glassnode* บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ระบุว่า ผู้ลงทุนใน ETF ทั้งสองกองทุนมีสถานะ ‘ขาดทุนทางบัญชี’ เฉลี่ยสูงถึง *21%*
ราคาตลาดปัจจุบันของอีเธอเรียมอยู่ที่ประมาณ *2,601 ดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *356,000 บาท* ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap อย่างไรก็ตาม นักลงทุนของ *ETF จากแบล็คร็อก* ได้ซื้อเฉลี่ยที่ระดับ *3,300 ดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ *452,000 บาท*) และ ETF จาก *ฟิเดลิที* ถูกซื้อเฉลี่ยที่ *3,500 ดอลลาร์สหรัฐ* (ราว *480,000 บาท*) ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ผลตอบแทนในตอนนี้อยู่ในแดนลบอย่างต่อเนื่อง
*ความคิดเห็น*: ปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการค้าของรัฐบาลกำลังเป็นตัวถ่วงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ราคา *อีเธอเรียม* ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องคือ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา *ประธานาธิบดีทรัมป์* ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาของอีเธอเรียมหลุดระดับ *3,000 ดอลลาร์สหรัฐ* และส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุน ETF ที่ลงทุนในอีเธอเรียมแย่ลงตามไปด้วย
นักลงทุนยังคงจับตาปัจจัยหลายด้าน ทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายภายใต้ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ของสหรัฐ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนมากขึ้น ความกังวลต่อ *ความผันผวนของ ETF สินทรัพย์ดิจิทัล* โดยเฉพาะอีเธอเรียม จึงเพิ่มสูงขึ้น
บรรยากาศความไม่มั่นคงเหล่านี้ทำให้ความหวังที่ตลาด *อีเธอเรียม ETF* จะฟื้นตัวในระยะสั้นยังคงถูกจำกัด และนักวิเคราะห์บางรายมองว่า นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงระยะยาวเป็นสำคัญในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0