ความตึงเครียดที่ทวีขึ้นในตะวันออกกลางกำลังส่งผลให้บรรยากาศในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีแปรเปลี่ยน โดยนักลงทุนเริ่มหันไปหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ส่งผลให้ *บิตคอยน์(BTC)* เผชิญกับแรงกดดันด้านราคา เมื่อวันที่ 6 (เวลาท้องถิ่น) ราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดประจำสัปดาห์ที่ 116,530 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.56 ล้านบาท) ก่อนจะปรับตัวลดลง 3.5% มาอยู่ที่ราว 106,600 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.48 ล้านบาท) ความวิตกเกี่ยวกับโอกาสปะทะกันด้วยกำลังระหว่างอิหร่านและอิสราเอลเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นจิตวิทยา ‘หลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง’ ให้กลับมาอีกครั้งในตลาดคริปโต
จากมุมมองทางเทคนิค ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็น ‘การปรับฐานตามปกติ’ หลังราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นเกือบ 10% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การลดลงราว 3% จึงเป็นสิ่งที่มักพบในรูปแบบ Mid-term Reversal ตามความเห็นของ อักเซล แอดเลอร์ จูเนียร์(Axel Adler Jr) นักวิเคราะห์จากสายงานบล็อกเชน โดยเขาอธิบายว่าขณะนี้ บิตคอยน์เข้าสู่จุดที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ระยะพักตัวแบบอ่อนตัว’
แอดเลอร์ จูเนียร์ ชี้ว่าการลดลงของราคาในรอบนี้ เกิดจากการที่นักลงทุนที่เปิดสถานะ Long ใกล้แนวต้าน เดินหน้า *ขายทำกำไร* หลังจากที่ราคาวิ่งขึ้นสูง ขณะที่ตัวเลข Funding Rate ที่ยังเป็นบวก ขัดแย้งกับการหดตัวของ Open Interest ก็สะท้อนการ *พักฐานระยะสั้น* ซึ่งอาจต่อเนื่องในช่วงระดับต่ำกว่า 108,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.50 ล้านบาท)
อนาคตของราคาบิตคอยน์ ยังมีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) และทิศทางความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก ตลาดยังคงมีสัญญาณอยู่ในภาวะ ‘ซื้อมากเกินไป’ ทำให้หลายฝ่ายออกมาเตือนให้ลงทุนอย่างระมัดระวังในช่วงที่ความผันผวนยังสูงอยู่ ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักลงทุนพึงจับตาอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0