เอลซัลวาดอร์ลดบทบาทบิตคอยน์(BTC) ตามแรงกดดันจาก IMF หลังโครงการเผชิญอุปสรรค

แผนการใช้ ‘บิตคอยน์(BTC)’ เป็นเงินสกุลหลักของเอลซัลวาดอร์เผชิญอุปสรรคสำคัญ หลังจากรัฐบาลของประเทศยอมปรับท่าทีภายใต้แรงกดดันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) ซึ่งส่งผลให้โครงการนี้ถูกมองว่า ‘ล้มเหลว’ โดยปริยาย นี่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ต้องการใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อเพิ่มความเป็นอิสระทางการเงิน

เมื่อวันที่ 14 (เวลาท้องถิ่น) Cointelegraph รายงานว่า รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้ ‘ลดบทบาท’ ของบิตคอยน์ในฐานะเงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงกับ IMF เดิมที ‘นายิบ บูเคเล’ ประธานาธิบดีของประเทศ ได้ผลักดันให้บิตคอยน์กลายเป็นเงินหลักตั้งแต่ปี 2021 โดยให้เหตุผลว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะสนับสนุน ‘การรวมทางการเงิน’ และความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม การยอมรับในหมู่ประชาชนกลับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่แรงกดดันจากประชาคมโลกก็เพิ่มขึ้น จนรัฐบาลต้องทบทวนนโยบาย

IMF มีมุมมองว่าการใช้บิตคอยน์ในระดับประเทศอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน โดยเฉพาะในกรณีของเอลซัลวาดอร์ที่มีความเสี่ยงด้านหนี้สิน IMF จึงกำหนดเงื่อนไขสำหรับการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 52,000 ล้านบาท) โดยรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ต้องจำกัดบทบาทของคริปโตเคอเรนซีในภาครัฐ ส่งผลให้ธุรกรรมบิตคอยน์ที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐลดลง รวมถึงยุติการใช้บิตคอยน์ในการชำระภาษีและค่าบริการสาธารณะ นอกจากนี้ รัฐบาลยังวางแผนลดบทบาทของ ‘ชิโว่(Chivo)’ วอลเล็ตของรัฐที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักสำหรับการทำธุรกรรมบิตคอยน์

ในช่วงต้นโครงการ เอลซัลวาดอร์ได้ลงทุนกว่า 200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,400 ล้านบาท) เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับบิตคอยน์ รวมถึงแจกเงินให้ประชาชนจำนวน 30 ดอลลาร์ต่อคน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนใช้งาน อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของมหาวิทยาลัยท้องถิ่นในปี 2023 พบว่า 92% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ใช้บิตคอยน์ในชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนว่าการยอมรับในระดับประชาชนยังคงเป็นปัญหา

แม้จะมีข้อจำกัดด้านนโยบาย แต่รัฐบาลเอลซัลวาดอร์ยังคงเดินหน้าถือครองบิตคอยน์ ซึ่งล่าสุดมีการซื้อเพิ่มอีก 12 BTC ‘สเตซีย์ เฮอร์เบิร์ต’ ผู้อำนวยการสำนักงานบิตคอยน์แห่งชาติของเอลซัลวาดอร์ กล่าวว่า รัฐบาลจะยังคงเพิ่มปริมาณบิตคอยน์ที่ถือครองต่อไป แม้ว่าสถานะของบิตคอยน์ในฐานะเงินถูกต้องตามกฎหมายจะไม่เหมือนเดิมก็ตาม

กรณีของเอลซัลวาดอร์แสดงให้เห็นว่า IMF มีอิทธิพลโดยตรงต่อแนวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลประเทศต่างๆ กับองค์กรระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของคริปโตเคอเรนซีจะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองต่อไป