จีนเร่งพัฒนาสเตเบิลคอยน์อิงหยวน ตั้งเปาท้าชิงบทบาท 'ดอลลาร์' บนเวทีการเงินดิจิทัล

แม้จีนจะยังคง ‘แบนคริปโต’ อย่างเป็นทางการ แต่ความสนใจใน **สเตเบิลคอยน์** และสกุลเงินดิจิทัลกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ล่าสุดหน่วยงานกำกับดูแลในเซี่ยงไฮ้ร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เริ่มเร่งเดินหน้าศึกษาและผลักดัน **สเตเบิลคอยน์ที่อิงหยวน** ท่ามกลางเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพา ‘ดอลลาร์สหรัฐ’ ในระบบการเงินดิจิทัลระหว่างประเทศ

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) Reuters รายงานว่า คณะกรรมการกำกับดูแลทรัพย์สินของรัฐประจำเซี่ยงไฮ้จัดการประชุมเชิงกลยุทธ์ โดยเชิญเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นกว่า 70 คนเข้าร่วมหารือเรื่อง **สเตเบิลคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัล** หัว ชิง(He Qing) หัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการศึกษานวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง เพื่อเตรียมการรองรับ “บทบาทใหม่ของเซี่ยงไฮ้” ในฐานะศูนย์กลางการทดลองนโยบายดิจิทัล

ที่ประชุมมีผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท กัวไถไห่ถง เซคิวริตีส์ เข้าร่วมเสนอวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับโครงสร้างของคริปโตและสเตเบิลคอยน์ รวมถึงบริบทด้านกฎระเบียบทั่วโลก โดยเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายที่สะท้อนถึง **การเปลี่ยนแปลงแนวทาง** ของรัฐบาลจีนจากนโยบายที่เข้มงวดในอดีต

ด้านบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีนอย่าง **JD.com** และ **Ant Group** กำลังเรียกร้องให้มีการปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสเตเบิลคอยน์อิงหยวน โดยทั้งสองบริษัทเตรียมขอใบอนุญาตอย่างเป็นทางการในฮ่องกงภายใต้กฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เดือนหน้า ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการป้องกันผลกระทบจากคริปโตที่อ้างอิงดอลลาร์ พร้อมเดินหน้าสู่ **การยกระดับหยวนสู่เวทีการชำระเงินโลก**

ดัชนีตลาดที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสเตเบิลคอยน์ในตลาดหลักทรัพย์จีนพุ่งสูงกว่า **88% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา** ขณะที่ในฮ่องกงหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นมากกว่าสองเท่า บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่อสินทรัพย์ดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความคึกคักก็ยังมีเสียงเตือนจากผู้มีอำนาจ โดย **พัน กงเฉิง(Pan Gongsheng)** ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ออกมาเตือนว่าสเตเบิลคอยน์และเงินดิจิทัลอาจสร้าง ‘ความท้าทายด้านกฎระเบียบ’ และ ‘ความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน’ พร้อมย้ำจุดยืนเดิมที่เน้นความมั่นคงทางการเงิน หลังจีน ‘สั่งแบนเหมืองและซื้อขายคริปโต’ มาตั้งแต่ปี 2021

ขณะเดียวกัน สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งปักกิ่งยังเตือนประชาชนให้ระวังการหลอกลวง ที่อาศัยกระแสสเตเบิลคอยน์เพื่อ ‘ชักชวนลงทุนในแชร์ลูกโซ่’ และ ‘ฟอกเงิน’ โดยชี้ว่ากฎยังมีช่องว่างที่อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่ายหากขาดการกำกับดูแลที่เข้มงวด

ในอีกด้านหนึ่ง **บิตคอยน์(BTC)** ทำสถิติใหม่ทะลุ 118,000 ดอลลาร์ หรือราว 16.4 ล้านบาท ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดว่าอาจทะยานแตะ **150,000–200,000 ดอลลาร์** ภายในสิ้นปี การเคลื่อนไหวนี้จุดกระแสให้ทางการจีนตื่นตัวและเพิ่มแรงผลักดันในการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลที่อิงหยวนอย่างชัดเจน

ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงทิศทางกฎระเบียบของจีนต่อสเตเบิลคอยน์อาจไม่เพียงเป็นแผนทดลองทางการเงิน แต่สะท้อนถึงการเดิมพันเชิงยุทธศาสตร์ในเกม **สกุลเงินแห่งอนาคต** ที่หยวนอาจมีโอกาสท้าทายดอลลาร์ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วโลก