บิตคอยน์(BTC) ทะลุ 118,000 ดอลลาร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ตลาดยังไม่ร้อนแรง เก็งฐานแข็งแกร่งระยะยาว

บิตคอยน์(BTC) ทะยานแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 118,000 ดอลลาร์ หรือราว 16.4 ล้านบาท ท่ามกลางตลาดขาขึ้นที่ยังแรงไม่หยุด อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการปรับขึ้นราคาครั้งนี้ *ไม่ได้เกิดจากภาวะเก็งกำไรสูงเกินจริง* แต่สะท้อนแนวโน้มเชิงโครงสร้างที่แข็งแกร่งและยั่งยืนมากกว่าในอดีต

ตามข้อมูลของ Glassnode และ CryptoQuant สัญญาณหลายอย่างบ่งชี้ว่าราคาขาขึ้นครั้งนี้แตกต่างจากปีที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น ดัชนี MVRV ซึ่งวัดราคาตลาดเทียบกับมูลค่าที่รับรู้ ยังคงอยู่ที่ระดับ 2.2 เท่านั้น ต่ำกว่าเมื่อช่วงตลาดร้อนแรงในเดือนมีนาคมและธันวาคม 2024 ที่เคยสูงถึง 2.7 การที่ตัวเลขไม่สูงเกินไปแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคาอย่างสงบและ *มีเสถียรภาพมากขึ้น*

นอกจากนี้ สัดส่วนของนักลงทุนที่ถือครองบิตคอยน์ไม่ถึง 1 เดือนอยู่ที่ราว 15% เท่านั้น ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับรอบก่อนหน้า ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนรายใหม่ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดมากนัก และนักลงทุนที่ถือเหรียญอยู่ส่วนใหญ่ยังไม่เร่งขายเพื่อทำกำไร *ความคิดเห็น* นี่คือสัญญาณของตลาดที่ *ไม่ร้อนแรงหรือเก็งกำไร*

ดัชนี SOPR ซึ่งตรวจสอบการทำกำไรของนักลงทุนระยะสั้น ก็ยืนยันแนวโน้มเดียวกัน โดยสะท้อนว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังคง *ถือเหรียญต่อไปมากกว่าการขายทำกำไร* เช่นเดียวกับท่าทีของกลุ่มนักขุด ซึ่งแม้จะได้รับเหรียญใหม่เข้าสู่ระบบ แต่ก็ไม่เลือกขายออกทันที ดัชนี MPI ลดต่ำลงเรื่อย ๆ และบ่งชี้ถึงการหลีกเลี่ยงการขายของนักขุดรายใหญ่

อีกด้านหนึ่ง การสนับสนุนระดับนโยบายจากภาครัฐและภาคธุรกิจก็เพิ่มน้ำหนักให้กับแนวโน้มขาขึ้นในครั้งนี้ CryptoQuant วิเคราะห์ว่า การที่บิตคอยน์สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ *โดยไม่มีภาวะตลาดร้อนแรงร่วมด้วย* อาจปูทางให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นได้มากขึ้นในระยะกลางถึงระยะยาว

พฤติกรรมของนักลงทุนก็สอดคล้องกับแนวโน้มนี้ รายงานจาก Santiment เผยว่าแม้ราคาบิตคอยน์จะเด้งขึ้นราว 20% ตั้งแต่จุดต่ำในวันที่ 22 มิถุนายน แต่จำนวนเหรียญที่ไหลเข้าสู่ตลาดกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความต้องการในการ *สะสมและเก็บรักษาสินทรัพย์* มากกว่าการนำออกขาย

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก CryptoQuant ยังระบุว่า ในช่วงเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณบิตคอยน์ในกระดานแลกลดลงถึง 315,830 BTC หรือราว 21% ของยอดรวมทั้งหมด โดยหากย้อนกลับไปดูตั้งแต่กรกฎาคม 2020 จะพบว่าบิตคอยน์ถูกถอนออกจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนกว่า 1.88 ล้านเหรียญ หรือคิดเป็นการลดลงถึง 61% ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการเทขายฉับพลัน และสร้างฐานตลาดที่มั่นคงมากขึ้น

ด้วยเงื่อนไขทั้งหมดนี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า *แรงขายระยะสั้นจะลดลง* ในขณะที่แรงสนับสนุนเชิงโครงสร้างจะผลักดันราคาให้สูงขึ้นในระยะยาว ทำให้แนวโน้มตลาดขณะนี้ยังคงเอื้อประโยชน์ต่อการเติบโตของบิตคอยน์ในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ