บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 118,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.64 ล้านบาท ส่งผลให้เกิดการล้างพอร์ตในตลาดคริปโตมูลค่ากว่า *1.4 หมื่นล้านบาท* ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มโคอินกลาส(Coinglass) รายงานว่า มูลค่าการล้างพอร์ตรวมอยู่ที่ประมาณ 10.2 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า *1.41 หมื่นล้านบาท* โดยในจำนวนนี้เป็นตำแหน่งฟิวเจอร์สบิตคอยน์ที่มีมูลค่าถูกล้างไปกว่า 5.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ *8,200 กว่าล้านบาท*
การล้างพอร์ตส่วนใหญ่เกิดขึ้นในฝั่งเทรดเดอร์ที่วางเดิมพันว่าบิตคอยน์จะร่วงลง โดยเฉพาะกรณีจาก HTX มีการล้างพอร์ตมูลค่าสูงสุดถึง *88.5 ล้านดอลลาร์* หรือราว *1,231 ล้านบาท* ในสัญญาแบบไม่มีวันหมดอายุของบิตคอยน์ ภายในการซื้อขายเพียง 1 วัน มีเทรดเดอร์ถึงกว่า 237,000 รายที่ตำแหน่งถูกล้าง โดยกว่า 90% ของเทรดเดอร์เหล่านี้ถือ ‘สถานะขาย’ ซึ่งสะท้อนว่าคาดการณ์ทิศทางผิดพลาดต่อ *ภาวะตลาดขาขึ้นที่แข็งแรง*
การล้างพอร์ตที่ใหญ่มากที่สุดเกิดขึ้นในแพลตฟอร์ม Bybit โดยมีมูลค่ารวมกว่า *4.61 พันล้านดอลลาร์* หรือประมาณ *6,410 ล้านบาท* **โดย 93% เป็นสถานะขาย (short)** ขณะที่ Binance และ HTX ก็มีอัตราล้างพอร์ตที่สูงตามมา โดยแตะระดับ *2.04 พันล้านดอลลาร์* (ราว *2,836 ล้านบาท*) และ *1.93 พันล้านดอลลาร์* (ประมาณ *2,683 ล้านบาท*) ตามลำดับ สะท้อนถึงการปรับฐานทั่วทั้งตลาดหลังจากราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
แต่การปรับตัวขึ้นของบิตคอยน์ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเพราะเหตุผลทางเทคนิคเท่านั้น ‘ความต้องการ ETF’ ที่เพิ่มสูง และ ‘ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย’ กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่กระตุ้นตลาด ในสหรัฐ ETF บิตคอยน์แบบสปอตได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันอย่างมาก โดยเฉพาะ IBIT ของแบล็คร็อก ได้สะสมบิตคอยน์ไว้มากกว่า 700,000 เหรียญ ซึ่ง “ความคิดเห็น” ระบุว่าทำกำไรได้ระดับเดียวกับผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมของแบล็คร็อก และสะท้อนว่า *ความต้องการจากภาคสถาบันคือแรงหนุนตัวจริงของราคา*
นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ออกแรงกดดันธนาคารกลางอย่างหนักให้ลด ‘ดอกเบี้ยนโยบาย’ ก็ทำให้ตลาดคาดหวังมากขึ้น บางฝ่ายถึงกับเสนอให้ลดดอกเบี้ยลงถึง 1% นำไปสู่กระแสไหลกลับของเงินลงทุนสู่สินทรัพย์เสี่ยง เช่น บิตคอยน์ ขณะที่ในตลาดออปชัน มีการซื้อ ‘คอลออปชัน’ ที่มีราคาสูงถึง *130,000 ดอลลาร์* (ราว *1.8 ล้านบาท*) สะท้อนถึงบรรยากาศ *มุมมองเชิงบวกอย่างรุนแรงต่ออนาคต*
ข้ามมาที่อัลท์คอยน์ บรรยากาศคึกคักไม่แพ้กัน อีเธอเรียม(ETH) มียอดซื้อขายล่วงหน้าแซงหน้าบิตคอยน์ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ชี้ว่าความสนใจของนักลงทุนเริ่มกระจายจาก BTC ไปสู่อื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การคาดหวังว่า ETF ของอีเธอเรียมอาจได้รับการอนุมัติก็ช่วยหนุนกระแสเงินลงทุนใหม่เข้ามา ทั้งนี้ ริปเปิล(XRP) ทะลุ *2.57 ดอลลาร์* (ประมาณ *3,573 บาท*) ด้านโดจ์คอยน์(DOGE) พุ่งเหนือระดับ *0.19 ดอลลาร์* (ราว *264 บาท*) และโซลานา(SOL) ก็มีอัตราเพิ่มขึ้นมากถึง *5% ภายในวันเดียว* ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึง *การกลับมารับความเสี่ยงของนักลงทุนในวงกว้าง*
ด้วยปัจจัยร่วมกันทั้ง ETF ที่ได้รับความนิยมสูง นโยบายการเงินที่อ่อนตัวลง และ *แนวโน้มบวกของตลาดโดยรวม* นักลงทุนจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนมุมมองจากกำไรสั้นสู่การจับตา *ศักยภาพการพุ่งขึ้นแบบพาราโบลิคในระยะยาว* หากแรงซื้อจากภาคสถาบันยังคงไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มขึ้นของราคาครั้งนี้ก็ “ความคิดเห็น” อาจไม่ใช่เพียงแค่กระแสเก็งกำไรชั่วคราว แต่เป็น *จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบการเงิน* เสียด้วยซ้ำ
ความคิดเห็น 0