บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 118,000 ดอลลาร์ นักลงทุนมองเป็นทองคำดิจิทัล ขณะ Peter Schiff แนะขาย BTC ซื้อโลหะเงิน

บิตคอยน์(BTC) ทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสกุลดอลลาร์อีกครั้ง ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ปีเตอร์ ชิฟ(Peter Schiff) นักลงทุนสายทองคำและนักวิจารณ์บิตคอยน์ชื่อดัง กลับมองว่าการพุ่งขึ้นครั้งนี้ของ BTC ควรใช้เป็นโอกาสสำหรับการลงทุนใน *โลหะเงิน* แทน

ชิฟโพสต์ในบัญชี X (อดีตทวิตเตอร์) ว่า “ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีในการขายบิตคอยน์บางส่วนและเปลี่ยนมาซื้อเงินซึ่งกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้น” พร้อมย้ำว่า *เงินมีศักยภาพในการปรับขึ้นมากกว่าบิตคอยน์* และเสริมว่า บิตคอยน์อาจร่วงลงได้ทุกเมื่อ ขณะที่ความเสี่ยงขาลงของเงินยังมีอยู่อย่างจำกัด

ในขณะเดียวกัน อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสภาวะตลาดว่า การระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรใหม่ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ อาจนำไปสู่ *การดูดสภาพคล่องในระยะสั้น* และส่งผลให้ตลาดอ่อนตัวลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในขณะที่บิตคอยน์ยังคงสร้างสถิติใหม่ และอีเธอเรียม(ETH) ยังคงเป็นขาขึ้น เฮย์สยังยืนยันว่า มุมมองระยะยาวของเขาต่อสินทรัพย์ดิจิทัล *ยังคงเป็นบวก*

เขากล่าวต่อว่า “[อีเธอเรียมจะ] ให้ผลตอบแทนสูงกว่าบิตคอยน์ และนักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับช่วงที่อัลท์คอยน์ขนาดใหญ่จะปรับตัวขึ้นแรง”

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตามองอีกปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลกับแนวโน้มในระยะต่อไป โดยเฮย์สชี้ว่า ความคาดหวังว่าทรัมป์อาจถอยจากนโยบายภาษีนำเข้าสูง ได้เริ่มมี *แรงสะท้อนในตลาดแล้ว* เขาเปิดเผยว่า กองทุน ‘Maelstrom’ ของเขากำลังอยู่ระหว่างการเตรียมตัวกลับเข้าสู่ตลาด

ด้านเอราลด์ กูส(Erald Ghoos) ซีอีโอยุโรปของ OKX มองว่าราคาบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้นในช่วงนี้ *ไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ชั่วคราว* แต่เป็นสัญญาณว่าบิตคอยน์กำลังกลายเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านมหภาคในรูปดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เขาระบุว่า *ในภาพของความตึงเครียดด้านการค้าและนโยบายทางการเงินที่เน้นอัดฉีดสภาพคล่อง สถาบันต่างๆ เริ่มมอง BTC เป็นทองคำดิจิทัล* มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภาวะที่ *ความผันผวนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี* และ ETF บิตคอยน์ยังดึงดูดเงินทุนต่อเนื่อง ทำให้เขาคาดการณ์ว่า ‘เดือนกรกฎาคมอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ’

บิตคอยน์พุ่งทะลุระดับ 112,000 ดอลลาร์ (ราว 1.56 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 4 และยังปรับตัวขึ้นต่ออีกประมาณ 6% ในวันที่ 5 โดยซื้อขายอยู่ใกล้ระดับ 118,000 ดอลลาร์ (ราว 1.64 ล้านบาท) ซึ่ง *กระแสความเชื่อมั่นเชิงบวกได้แพร่กระจายไปทั่วตลาด* ขณะที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นว่า ปัจจัยอย่างรอบวัฏจักรของสภาพคล่อง ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจมหภาค และการเข้ามาของสถาบันการเงิน มีบทบาทสำคัญในการผลักดันราคาครั้งนี้