ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ชาร์ปลิงค์ เกมมิ่ง(SharpLink Gaming) บริษัทเทคโนโลยีด้านการเดิมพันกีฬาที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นแนสแด็ก สร้างความฮือฮาให้กับวงการคริปโต หลังมีรายงานว่าได้ซื้ออีเธอเรียม(ETH) จำนวนมากโดยตรงจากมูลนิธิอีเธอเรียม คิดเป็นจำนวนกว่า 10,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่ารวมราว **25.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ** (ประมาณ 900 ล้านบาท) ซึ่งเมื่อคำนวณจากราคาประมาณ 2,572 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้บริษัทกลายเป็นหนึ่งใน ‘บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ที่สุดที่ถือครองอีเธอเรียมเป็นสินทรัพย์หลัก’
ตามข้อมูลของบริษัท การซื้อในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนเพื่อเก็งกำไร แต่เป็น ‘ยุทธศาสตร์ระยะยาว’ เพื่อการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้งานจริง โดยโจเซฟ ลูบิน(Joseph Lubin) ประธานคณะกรรมการของชาร์ปลิงค์ และผู้ร่วมก่อตั้งของอีเธอเรียม กล่าวว่า "นี่คือการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในเครือข่ายอีเธอเรียมและระบบนิเวศแบบไร้ศูนย์กลาง ไม่ใช่แค่การลงทุนระยะสั้น"
เขายังเสริมว่า ชาร์ปลิงค์จะไม่เพียงแค่ถือครอง ETH เอาไว้เท่านั้น แต่ยังมีแผน ‘นำเหรียญไปใช้สเตค, รีสเตค’ เพื่อช่วยลดปริมาณเหรียญหมุนเวียน และ *เสริมความมั่นคงให้กับเครือข่ายอีเธอเรียมอย่างต่อเนื่อง*
ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้บริษัทก็ได้ทยอยสะสมอีเธอเรียมอย่างต่อเนื่อง โดยซื้อล่าสุด 7,689 ETH ที่ราคาเฉลี่ยราว 2,501 ดอลลาร์ ทำให้ยอดถือครองสะสมในปัจจุบันพุ่งแตะ 205,634 ETH ส่งผลให้ตลาดประเมินว่าชาร์ปลิงค์กำลังกลายเป็น *นักลงทุนระยะยาวรายสำคัญของระบบนิเวศอีเธอเรียม*
ผลกระทบทางการตลาดก็ปรากฏทันที ราคาหุ้นของชาร์ปลิงค์(SBET) พุ่งขึ้นกว่า 8% ในวันเดียว ขึ้นไปแตะระดับประมาณ 19.90 ดอลลาร์ ขณะที่ ‘ราคาอีเธอเรียม(ETH)’ ก็ขยับขึ้นถึง 7% แตะระดับใกล้ 3,000 ดอลลาร์ และพุ่งทะลุแนวต้านไปแตะสูงสุดที่ 3,040 ดอลลาร์ในช่วงสั้น
นอกจากนี้ จุดที่น่าจับตามองคือ การซื้อครั้งนี้เป็นการ *ดีลตรงกับมูลนิธิอีเธอเรียม* ไม่ใช่ผ่านตลาดเปิดทั่วไป ซึ่งบ่งชี้ว่าเจตนาของชาร์ปลิงค์คือ การมีส่วนร่วมเชิงโครงสร้างต่อระบบนิเวศ มากกว่าการซื้อเพื่อหวังผลกำไรในระยะสั้น
ท่าทีของชาร์ปลิงค์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ‘อีเธอเรียมอาจกำลังเปลี่ยนสถานะ’ จากสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วไปไปสู่การเป็น ‘โครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล’ และการที่บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่อย่างชาร์ปลิงค์หันมานำสินทรัพย์ดิจิทัลมาอยู่ในแผนการเงินหลักแบบนี้ อาจเป็น ‘ตัวจุดประกาย’ ให้มีบริษัทดั้งเดิมจำนวนมากขึ้นเข้าสู่โลกของคริปโตในไม่ช้า
ความคิดเห็น 0