โดจ์คอยน์(DOGE) กลายเป็นประเด็นร้อนในตลาดคริปโตอีกครั้ง หลังจากเกิด ‘ความไม่สมดุลของการชำระบัญชี’ สูงถึง *1,000%* ภายในระยะเวลาเพียง 4 ชั่วโมง เมื่อเร็วๆ นี้ โดยการเคลื่อนไหวรุนแรงของราคาได้สร้างแรงกดดันต่อบรรดานักลงทุนที่ถือฝั่งขาขึ้น (Long) ทำให้หลายรายต้องเผชิญกับการชำระบัญชีอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าราคาจะฟื้นตัวขึ้นมายืนที่ระดับ 0.2 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง แต่ก็ยังคงอยู่ในภาวะผันผวน
จากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อกเชน CoinGlass ระบุว่า นักลงทุนฝั่ง Long ต้องเผชิญกับการขาดทุนรวมราว *594,130 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 82.07 ล้านบาท)* ภายในเวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงผิดปกติ ขณะที่นักลงทุนฝั่ง Short มีการชำระบัญชีเพียง *53,980 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.49 ล้านบาท)* เท่านั้น
ราคาของโดจ์คอยน์ไต่ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดชั่วคราวที่ *0.2129 ดอลลาร์* ก่อนจะร่วงลงมาแตะระดับ *0.1973 ดอลลาร์* และสามารถฟื้นกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่แถว *0.2016 ดอลลาร์* ส่งผลให้ในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุด โดจ์คอยน์ปรับตัวขึ้นได้ *1.45%* ท่ามกลางความเปราะบางทางเทคนิคที่ยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมเสียงถกเถียงในแวดวงคริปโตเกี่ยวกับคำถามที่ว่า *โมเมนตัมขาขึ้นของโดจ์คอยน์มีโอกาสกลับมาหรือไม่*
ตัวแปรสำคัญอีกประการหนึ่งคือ *ปริมาณการซื้อขาย* โดจ์คอยน์มียอดซื้อขายทะลุระดับ *3.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.67 แสนล้านบาท)* เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง *36.01%* สะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังคงเฝ้ามองโอกาสในการฟื้นตัวและเตรียมพร้อมต่อทิศทางใหม่ของราคา
ขณะเดียวกัน บัญชีที่มีการถือสินทรัพย์ปริมาณมาก (Whale) เริ่มขยับตัว โดยมีการรายงานว่าเกิดแรงซื้อขนาดใหญ่อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึง *ความมั่นใจต่อสถานะโดจ์คอยน์ในฐานะสินทรัพย์หลักในอนาคต* และเป็นสัญญาณของการสะสมในช่วงที่ราคาแกว่งตัวสูง
ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการชำระบัญชีที่รุนแรงในลักษณะนี้ ไม่ได้แปลว่าจะเป็นสัญญาณลบเสมอไป เพราะมีปัจจัยหนุนอย่างการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขาย การปรับตัวดีขึ้นของตัวชี้วัดทางเทคนิคหลายรายการ และพฤติกรรมซื้อของกลุ่มวาฬ ซึ่งทั้งหมดนี้ *อาจช่วยผลักดันให้โดจ์คอยน์เดินหน้าเข้าสู่ภาวะกระทิง (ตลาดขาขึ้น)* ได้ภายใน ‘สิ้นเดือนกรกฎาคม’
ในสถานการณ์ที่ยังไร้ความแน่นอน โดจ์คอยน์ยังคงเป็นเหรียญที่เขย่าตลาดอย่างหนัก และคำถามสำคัญคือหลังจากนี้ ทิศทางของมันจะเป็นอย่างไร และนักลงทุนรายย่อยจะสามารถกลับมาเป็นแรงขับเคลื่อนในรอบหน้าได้หรือไม่ ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0