ในขณะที่บิตคอยน์(BTC)และอีเธอเรียม(ETH)กำลังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับภาวะตลาดกระทิงชัดเจน ‘ไพคอยน์(PI)’ กลับสวนทางด้วยการปรับตัวลดลงอย่างหนัก ล่าสุดในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคาของ PI ร่วงลงกว่า 9% มาอยู่ที่ระดับเพียง 0.47 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 650 บาท) ซึ่งนับว่าเข้าใกล้จุดต่ำสุดของปีที่ 0.40 ดอลลาร์ (ประมาณ 560 บาท) ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน บิตคอยน์ทะลุระดับ 118,000 ดอลลาร์ (ราว 16.4 ล้านบาท) ทำสถิติสูงสุดใหม่ และอีเธอเรียมก็กลับมายืนเหนือแนว 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 417,000 บาท) ได้อีกครั้ง *ภาวะซบเซาเพียงลำพังของ PI ท่ามกลางตลาดขาขึ้น สร้างความกังวลในหมู่ผู้ถือครองมากขึ้น*
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการเทขายในรอบนี้คือ *การปลดล็อกเหรียญจำนวนมหาศาลในเดือนกรกฎาคม* โดยทางเครือข่าย PI ได้เริ่มทยอยปล่อยโทเคนเข้าสู่ตลาดตั้งแต่วันที่ 8-15 ของเดือนนี้ คิดเป็นจำนวนรวมกว่า 100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1.5% ของอุปทานทั้งหมด โดยเฉพาะในบางวันมีการปลดล็อกมากถึง 10.1 ล้านเหรียญในวันเดียว เป็นสัญญาณของ ‘แรงขายมวลรวม’ ที่หนักหน่วง ในขณะเดียวกันก็เริ่มเกิด *แรงขายทำกำไรของกลุ่มผู้ถือรายใหญ่* หรือที่เรียกกันว่า ‘วาฬ’ ส่งผลให้ฝั่งขายแซงหน้าแรงซื้ออย่างชัดเจน
จากมุมมองทางเทคนิค สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจนัก ปัจจุบัน PI ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้ม ‘ขาลงชัดเจน’ ทุกครั้งที่เริ่มมีแรงซื้อเข้ามา ก็ถูกกดด้วยแรงขายจนไม่สามารถพักตัวกลับได้ ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 19.95 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.77 พันล้านบาท) ซึ่งถือว่าต่ำ และแสดงถึง ‘พลังงานไม่เพียงพอ’ ในการรีบาวด์ ขณะที่ค่าดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 39.8 ซึ่งใกล้เข้าสู่ ‘โซนขายมากเกินไป’ บ่งชี้ถึงสภาวะที่นักลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในความกลัว
แม้อีเวนต์ใหญ่ ‘Pi2Day’ ที่จัดขึ้นเมื่อต้นเดือน จะเคยได้รับความคาดหวังจากชุมชนผู้สนับสนุน แต่ก็ไม่สามารถสร้างแรงกระตุ้นได้จริง หลังจากนั้นราคา PI ยิ่งดิ่งลงอีกกว่า 29% ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา *สะท้อนภาพการขาดปัจจัยบวก หรือแม้แต่สภาพคล่องในตลาดที่ไม่เอื้อต่อการดีดกลับ*
แนวโน้มในระยะกลางถึงยาวยังคงเป็นไปในทางลบ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากระดับ *แนวรับ 0.40 ดอลลาร์* ถูกเจาะ อาจเห็นการดิ่งลงไปยัง 0.38 ดอลลาร์ (ราว 530 บาท) หรือแม้แต่ 0.35 ดอลลาร์ (ประมาณ 490 บาท) ได้ โดยโอกาสในการฟื้นตัวยังคงขึ้นอยู่กับกรณีสำคัญอย่าง *การจดทะเบียนในกระดานเทรดใหญ่, การอัปเดตโปรเจกต์ครั้งสำคัญ หรือสัญญาณของเงินทุนสถาบันเข้าสู่ระบบ*
สำหรับนักลงทุนแล้ว เวลานี้อาจไม่ใช่ช่วงเหมาะในการเข้าลงทุนแบบเชิงรุก แต่ควรให้ ‘การบริหารความเสี่ยง’ เป็นประเด็นหลัก การจับตาตาราง Unlock ช่วงครึ่งหลังของปี และแนวทางของโครงการว่าจะสามารถสร้าง "ความหวังใหม่" ได้หรือไม่ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
ความคิดเห็น 0