SharpLink ทุ่ม 515 ล้านดอลลาร์ซื้ออีเธอเรียม(ETH) ตั้งเป้าถือครองแตะ 1 ล้านเหรียญ

บริษัทชาร์ปลิงค์ เกมมิง(SharpLink Gaming) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโจเซฟ รูบิน(Joseph Lubin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) แสดงท่าทีรุกตลาดครั้งใหญ่ ด้วยการ ‘ขยายวงเงินขายหุ้น’ อย่างมาก เพื่อระดมทุนสำหรับซื้ออีเธอเรียม โดยในช่วงเวลาเพียง 9 วันที่ผ่านมา บริษัทได้ซื้อ ETH ไปแล้วกว่า *515 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7,149 ล้านบาท)* ทำให้ปริมาณครอบครองพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตามเอกสารฉบับล่าสุดที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ชาร์ปลิงค์ได้ขยายขอบเขตการออกหุ้นสามัญจากวงเงินเดิม 1 พันล้านดอลลาร์ เป็น *6 พันล้านดอลลาร์ (ราว 8.34 หมื่นล้านบาท)* คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 6 เท่าเมื่อเทียบกับเอกสารฉบับแรกที่ยื่นเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทวางแผนใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นส่วนใหญ่นี้ *เพื่อซื้ออีเธอเรียม* ขณะที่เงินส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน, ค่าดำเนินกิจการทั่วไป และแคมเปญการตลาดของบริษัทในเครือ

หากชาร์ปลิงค์ตัดสินใจนำเงินจำนวน 6 พันล้านดอลลาร์ทั้งหมดไปใช้ในการซื้อ ETH บริษัทจะครอบครอง ETH ราว *1.38% ของปริมาณในตลาดทั้งหมด* (จากอุปทานประมาณ 100 ล้าน ETH ในปัจจุบัน) ซึ่งจะถือเป็นสัดส่วนการถือครองโดยองค์กรรายเดียวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ชาร์ปลิงค์กลายเป็น *บริษัทที่ถือครอง ETH มากที่สุดในโลก* โดยบริษัทระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่ามีแผนจะทยอยเพิ่มการถือครอง ETH ให้ถึง *1 ล้านเหรียญในระยะยาว* ปัจจุบัน บริษัทถือครอง ETH มากกว่า 280,000 เหรียญแล้ว โดยในจำนวนนี้ *มากถึง 99.7% อยู่ในสถานะสเตกกิง* ซึ่งหมายถึงการล็อกสำหรับรับผลตอบแทนแบบ passive

ข้อมูลเพิ่มเติมจากบริษัทชี้ว่า ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายนถึง 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางชาร์ปลิงค์สามารถสร้างผลตอบแทนจากการสเตกกิงได้ถึง *415 ETH (ราว 57.7 ล้านบาท)* และหลังจากการยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์ บริษัทก็ได้ซื้อ ETH เพิ่มอีก *32,892 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 1,598 ล้านบาท*

แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล Lookonchain เปิดเผยว่า ในช่วง 9 วันที่ผ่านมา ชาร์ปลิงค์ได้ซื้อ ETH ทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า *515 ล้านดอลลาร์ (ราว 7,149 ล้านบาท)* ซึ่งชี้ถึงระดับความมั่นใจที่บริษัทมีต่อ ‘อนาคตของอีเธอเรียม’ อย่างชัดเจน ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็น *สัญญาณสำคัญของกลยุทธ์ระยะยาวที่ทุ่มสุดตัวในคริปโตหลักอย่าง ETH* โดยไม่หวั่นความผันผวนในตลาดคริปโตปัจจุบัน