ครึ่งปีแรก 2025 แฮ็กคริปโตพุ่ง 3 พันล้านดอลลาร์ เร็วจนตรวจจับไม่ทัน

ช่วงครึ่งแรกของปี 2025 มูลค่าความเสียหายจากการแฮ็กสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลกพุ่งทะลุยอดรวมของทั้งปีที่แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยรายงานล่าสุดจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ‘โกลบอลเลเจอร์(Global Ledger)’ เผยว่า มีเหตุการณ์แฮ็กเกิดขึ้นถึง 119 ครั้ง ส่งผลให้มีการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลรวมกว่า 3.01 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.14 แสนล้านวอน) โดยสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าขนาดของความเสียหายคือ *ความเร็วของอาชญากรรม*

รายงานดังกล่าวได้ติดตามข้อมูลบนเชนแบบเรียลไทม์ เพื่อวิเคราะห์ช่วงเวลาตั้งแต่เกิดการแฮ็ก ไปจนถึงการฟอกเงินผ่านเครื่องผสม(Mixer), บริดจ์(Bridge) หรือศูนย์ซื้อขายแบบรวมศูนย์(Centralized Exchange - CEX) พบว่า *แฮ็กเกอร์สามารถฟอกเงินเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาทีหลังโจมตี* และในหลายกรณี กระบวนการทั้งหมดสิ้นสุดลง *แม้ก่อนที่ข่าวการแฮ็กจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ*

จากเหตุการณ์ทั้งหมด *ราว 23% ถูกฟอกเงินเรียบร้อยก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลการแฮ็กต่อภายนอก* ขณะที่ในกรณีอื่นๆ เมื่อผู้เสียหายรับรู้เหตุการณ์ เงินเหล่านั้นก็มักถูกกระจายและย้ายออกไปแล้ว ทำให้โอกาสกู้คืนมีน้อยมากหรือแทบเป็นไปไม่ได้

หนึ่งในกรณีที่รุนแรงที่สุดในรายงานนี้คือการเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นภายใน *เพียง 4 วินาทีหลังแฮ็ก* และเสร็จสิ้นกระบวนการฟอกเงินภายใน 3 นาที ข้อมูลโดยรวมชี้ว่า โดยเฉลี่ยแล้ว เงินที่ถูกแฮ็กจะเริ่มถูกย้ายภายในเวลา 15 ชั่วโมง ในขณะที่ข่าวการโจมตีจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนช้ากว่า โดยเฉลี่ย *37 ชั่วโมงหลังเหตุการณ์* นั่นหมายความว่า แฮ็กเกอร์มี “เวลาล่วงหน้ากว่า 20 ชั่วโมง” ในการดำเนินการก่อนที่จะถูกตรวจจับ

ที่น่าตกใจคือ เหตุการณ์กว่า *68.1%* มีการเคลื่อนไหวของเงินก่อนจะมี "ประกาศหรือรายงานอย่างเป็นทางการผ่านสื่อหรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย" ส่งผลให้ทรัพย์สินที่สามารถตามกลับมาได้ในช่วงครึ่งปีแรกนั้นมีเพียง *4.2% เท่านั้น*

รายงานยังชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ *ศูนย์ซื้อขายแบบรวมศูนย์(CEX)* ในฐานะจุดผ่านหลักของกระบวนการฟอกเงิน โดยในปี 2025 มีสัดส่วนเงินที่ถูกฟอกผ่าน CEX ถึง *15.1%* ของจำนวนสินทรัพย์ที่ถูกขโมย แสดงให้เห็นว่า CEX ยังคงเป็นช่องโหว่ระดับสูง โดยสถิติแสดงว่า *54.26% ของการแฮ็กทั้งหมดมีเป้าหมายที่ศูนย์ซื้อขายแบบรวมศูนย์* มากกว่าช่องทางอย่างช่องโหว่ของสมาร์ทคอนแทรกต์ในโทเค็น (17.2%) หรือการโจรกรรมกระเป๋าเงินส่วนตัว (11.67%)

แม้ว่าทีมกำกับดูแลภายในของ CEX จะสามารถตรวจจับและระงับธุรกรรมที่น่าสงสัยได้ภายใน *10–15 นาที* แต่ด้วยความเร็วของแฮ็กเกอร์ สายเกินไปเพียงไม่กี่นาทีก็อาจทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลได้ ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญบางรายระบุว่า การที่กฎหมายและแนวทางกำกับดูแลของแต่ละประเทศเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพัฒนาการอย่างรวดเร็วของเทคนิคแฮ็ก ทำให้ *CEX และผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล(VASP)* ต้องเร่ง *สร้างระบบตอบสนองร่วมกันที่มีความยืดหยุ่นและรวดเร็ว* มากขึ้นกว่าที่เคย