ย้อนเบื้องหลังชื่อเกือบถูกตั้งให้ริปเปิล(XRP): จาก ‘แสตมป์ส’ สู่แบรนด์คริปโตระดับโลก

เดวิด ชวาร์ตซ์(David Schwartz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี(CTO) ของริปเปิล(XRP) เปิดเผยเบื้องหลังชื่อในอดีตที่เกือบจะถูกตั้งให้กับโครงการริปเปิล ก่อนจะมาเป็นชื่อที่รู้จักกันในปัจจุบัน โดยชวาร์ตซ์ได้เล่าผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับชื่อเรียกในช่วงเริ่มต้นของแบรนด์ พร้อมแชร์ข้อมูลและแนวคิดที่เคยพิจารณาในช่วงพัฒนาโปรเจกต์ระยะเริ่มแรก

เขาระบุว่า ระหว่างการตอบคำถามของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม X เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการอ้างถึงชื่อที่เคยถูกเสนอระหว่างช่วงที่ริปเปิลยังใช้ชื่อว่า ‘นิวคอยน์(Newcoin)’ โดยชื่อที่ถูกเสนอคือ ‘แสตมป์ส(Stamps)’ และ ‘บีมเพย์(BeemPay)’ โดยผู้ติดตามสามารถเห็นรายละเอียดการอภิปรายในอดีตได้จากอีเมลและบันทึกโครงการที่เขาแบ่งปัน

“ในเดือนมีนาคม 2012 อาเธอร์ บริโต(Arthur Britto) เคยผลักดันชื่อ ‘แสตมป์ส’ อย่างมากโดยโครงการในตอนนั้นยังใช้ชื่อว่านิวคอยน์อยู่” ชวาร์ตซ์กล่าว พร้อมอ้างอิงถึงอีเมลที่เขาส่งถึงเจด แมคคาเล็บ(Jed McCaleb)ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน ซึ่งเนื้อหาในอีเมลดังกล่าวยังรวมถึงแนวทางการพัฒนา ‘สมาร์ตคอนแทรกต์แบบเลเยอร์ 1’ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในคุณสมบัติเด่นของริปเปิล

แม้จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่าทำไมชื่อเหล่านั้นถึงไม่ได้รับการเลือกใช้ แต่ชวาร์ตซ์เปิดเผยว่าชื่อ ‘ริปเปิล’ สุดท้ายได้รับเลือกด้วยข้อเสนอของ ไรอัน ฟูเกอร์(Ryan Fugger) ซึ่งในขณะนั้นเป็นทั้งนักพัฒนาและที่ปรึกษาของโปรเจกต์ โดยเขายังเป็นหนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างอัตลักษณ์ให้กับริปเปิลแล็บส์(Ripple Labs)

ริปเปิลไม่ได้เปลี่ยนเพียงชื่อ แต่ยังพัฒนาโครงสร้างเทคโนโลยีควบคู่กันไป ในเดือนมิถุนายน 2012 ‘XRP เลเจอร์’ ได้รับการเปิดตัวครั้งแรก และในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน องค์กรอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ ‘นิวคอยน์’ ก็ได้ถูกจัดตั้งขึ้น ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘โอเพ่นคอยน์(Opencoin)’ และในปี 2013 กลายเป็นริปเปิลแล็บส์ในปัจจุบัน

หลังจากการเปิดเผยครั้งนี้ บรรยากาศในชุมชน XRP กลับมาคึกคักอีกครั้ง สมาชิกในวงการคริปโตต่างย้อนมองอดีตของโปรเจกต์และให้ความสนใจในวิวัฒนาการของแบรนด์ โดยชื่อที่เกือบถูกเลือกในอดีตอย่าง ‘แสตมป์ส’ และ ‘บีมเพย์’ ก็กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งในฐานะจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจที่นำริปเปิลมาสู่ตำแหน่งในตลาดคริปโตอย่างในทุกวันนี้ ความเคลื่อนไหวนี้จึงกลายเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของ ‘ชื่อแบรนด์’ และบทบาทของวิสัยทัศน์ในช่วงแรกของการก่อตั้งโครงการ