Money2 มาแล้ว! DeFi และสเตเบิลคอยน์เตรียมพลิกโฉมการเงินโลก

วงการคริปโตยังคงเปลี่ยนแปลงตามกระแสทุกไม่กี่เดือน ตั้งแต่เทรนด์อย่างปัญญาประดิษฐ์(AI) เหรียญมีม ไปจนถึงการผสานเทคโนโลยี Web3 กับแอปพลิเคชันต่าง ๆ แม้คำเหล่านี้จะดูเร้าใจและดึงดูดความสนใจผู้คนได้เป็นอย่างดี แต่อีกด้านหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่มีศักยภาพสูงกลับค่อย ๆ พัฒนาอย่างเงียบงัน โดยมี *สเตเบิลคอยน์* การเงินไร้ศูนย์กลาง(DeFi) และสัญญาอัจฉริยะที่เขียนด้วย ‘โค้ด’ เป็นแกนหลักของระบบการเงินยุคใหม่ หรือที่เรียกว่า *Money2*

ระบบดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพฝันของอนาคตอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น *สิ่งที่เกิดขึ้นจริงแล้วในปัจจุบัน* โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ปริมาณสเตเบิลคอยน์ทั่วโลกพุ่งแตะ 225 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 312.75 ล้านล้านวอน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขนี้สะท้อนบทบาทที่เพิ่มขึ้นของสเตเบิลคอยน์ในฐานะเครื่องมือชำระเงินและตัวกลางแลกเปลี่ยนที่ ‘เป็นกลาง’ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนถึงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินโลกที่กำลังเปลี่ยนแกนไปสู่สเตเบิลคอยน์

สิ่งที่น่าจับตามองที่สุดคือ ‘การเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาความเชื่อถือ’ กำลังก่อตัวขึ้น กล่าวคือ ทุกบริการทางการเงินสามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง ไม่ว่าจะเป็นการกู้ยืม การโอนเงิน หรือการซื้อขายทั้งหมดสามารถทำงานได้ผ่าน *สัญญาอัจฉริยะ* ซึ่งเป็นโค้ดที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนแบบไร้ศูนย์กลาง สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการ ‘แปลงดิจิทัล’ ของระบบเดิม แต่เป็น *การล้มโครงสร้างของการพึ่งพาตัวกลาง* ที่มีมาตลอดประวัติศาสตร์การเงินหลายพันปี

ระบบการเงินดั้งเดิมตั้งอยู่บนฐานของความเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน การลงทุน หรือการกู้ยืมล้วนต้องมีตัวกลางอย่างธนาคาร นายหน้า หรือหน่วยงานภาครัฐ แต่เมื่อบุคคลหรือองค์กรใด ๆ ก็สามารถผิดพลาดหรือทุจริตได้ จึงต้องมีระบบกำกับดูแลมาควบคุม โครงสร้างเหล่านี้กลายเป็นต้นทุนและอุปสรรคในตัวเอง ขณะที่ *Money2 ขจัดปัจจัยเหล่านั้นออกไปทั้งหมด* ชุดโค้ดที่ไม่ลำเอียงและโปร่งใสจะเป็นผู้ควบคุมระบบ แทนที่ความเชื่อใจและการตัดสินใจเชิงอัตวิสัย ซึ่งหมายความว่า ‘ไม่มีประตูกั้น ไม่มีการตัดสินใจตามอำเภอใจ มีเพียงแค่โค้ดเท่านั้น’

ตัวจักรสำคัญของระบบนี้คือ *DeFi* หรือการเงินไร้ศูนย์กลาง ซึ่งเปิดให้บริการการเงินทำงานได้โดยไม่มีองค์กรใดคอยควบคุม ไม่มีใครสามารถปฏิเสธการโอนเงินหรืออายัดเงินของผู้ใช้ได้ ทุกธุรกรรมเปิดเผยและตรวจสอบได้แบบ *ออนเชน* ทั้งหมด สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่เป็น *การเปลี่ยนแนวคิดพื้นฐานของระบบการเงิน* ในระดับโครงสร้าง ที่อาจนำไปสู่การลดการทุจริต เพิ่มการเข้าถึง และปรับโครงสร้างทางการเงินของโลกใหม่อย่างสิ้นเชิง

แม้กระนั้น ปัจจุบันวงการคริปโตกลับให้ความสนใจมากขึ้นกับเทรนด์ภายนอกอย่าง AI และ NFT โดยหลงลืมแก่นปัญหาหลักของระบบการเงิน นั่นคือ การโอนเงินข้ามประเทศยังคงเชื่องช้า การเปิดบัญชีพื้นฐานใช้เวลาหลายวัน และค่าธรรมเนียมก็ยังคงสูงลิบ ซึ่ง *คำตอบของปัญหาเหล่านี้ อาจไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีใหม่ที่ฉูดฉาด แต่คือ ‘DeFi’ และ ‘สเตเบิลคอยน์’* ที่เป็นหัวใจของ Money2

DeFi ไม่ได้เพียงแค่จำลองระบบปัจจุบันในรูปดิจิทัล แต่ *สร้างระบบใหม่ขึ้นมาตั้งแต่ราก* โดยปราศจากตัวกลางแบบดั้งเดิม แม้แต่สถาบันการเงินเก่าหลายแห่งก็เริ่มยอมรับศักยภาพของ DeFi แล้ว ซึ่งในทางยุทธศาสตร์ก็คือการยืนยันว่าโลกการเงินเก่ากำลังก้าวเข้าสู่ระบบใหม่

อย่างไรก็ตาม Money2 ก็ยังมี *อุปสรรคสำคัญ* ที่ต้องเผชิญ เช่น ประเด็นเรื่อง ‘ความรับผิดชอบ’ ที่เมื่อไม่มีตัวกลาง ผู้ใช้จึงต้องรับผิดชอบทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว ไม่สามารถย้อนกลับธุรกรรมได้ หากทำคีย์กระเป๋าหายหรือโดนหลอกลวง เงินนั้นก็อาจหายไปตลอดกาล ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเผชิญ *ภาระด้านความรู้และความพร้อมที่สูงเกินไป*

อีกปัญหาคือโครงสร้างอินเทอร์เน็ตยังไม่รองรับ DeFi โดยตรงมากพอ เดิมที เบราว์เซอร์และระบบเว็บไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับธุรกรรมทางการเงินโดยเฉพาะ *เราจำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ที่เป็นมิตรกับ DeFi ตั้งแต่ต้น* เพื่อให้เกิดการใช้งานในวงกว้างได้จริง

และสุดท้ายคือ DeFi ยังต้องขยายรูปแบบสินทรัพย์ให้หลากหลายมากขึ้น เพราะการพึ่งพาสเตเบิลคอยน์เพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอต่อการกลายเป็นระบบการเงินครบวงจร Money2 จำเป็นต้องนำ *สินทรัพย์โลกจริง* เช่น หุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์เข้าสู่ระบบเช่นกัน ผ่านการ *โทเคนไรซ์ (Tokenization)* และการซื้อขายบนเชน แม้อาจมีข้อจำกัดทางเทคนิคและกฎหมาย แต่เป็น *ภารกิจสำคัญที่หลีกเลี่ยงไม่ได้* ซึ่งจะเปิดทางให้ DeFi เติบโตเป็น ‘แพลตฟอร์มหลักของกิจกรรมทางการเงินทั้งหมด’

ท้ายที่สุด Money2 ไม่ใช่ภาพฝันของวันพรุ่งนี้ แต่เป็นกระบวนการที่เริ่มต้นขึ้นแล้วในวันนี้ ถึงอย่างนั้น การจะขยายตัวอย่างแท้จริงยังต้องอาศัยการยอมรับของผู้ใช้งานทั่วไป การสนับสนุนด้านกฎระเบียบ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และเหนือสิ่งอื่นใด คือคำถามสำคัญว่า ‘เราพร้อมที่จะปรับกรอบความคิดและพฤติกรรมทางการเงิน *ไปในทิศทางใหม่อย่างสิ้นเชิง* แล้วหรือยัง?’