บล็อกเชนอาจเป็นกุญแจปฏิรูปโครงข่ายไฟฟ้าสหรัฐ รองรับ AI และคริปโต

คอสมอ จาง(Cosmo Jiang) หุ้นส่วนจากบริษัทร่วมลงทุนสหรัฐ แพนเทอรา แคปิทัล(Pantera Capital) แสดงความเห็นว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนอาจกลายเป็น ‘กุญแจสำคัญ’ ในการปฏิรูประบบโครงข่ายไฟฟ้าของสหรัฐให้ทันสมัยขึ้น เขาระบุผ่านบทสัมภาษณ์กับ Cointelegraph เมื่อไม่นานมานี้ว่า บล็อกเชนสามารถช่วยสร้าง *ระบบพลังงานแบบกระจายตัว* โดยทำให้สามารถจัดสรรโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้ใช้, ทรัพยากรส่วนเกิน และกำลังแรงงานว่างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จางกล่าวว่า “อารยธรรมของมนุษย์เติบโตโดยมีแรงจูงใจเป็นศูนย์กลาง บล็อกเชนคือเครื่องมือแรกที่สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนโดยไม่ต้องพึ่งศูนย์กลาง” พร้อมชี้ว่าโมเดลรางวัลแบบกระจายของระบบบล็อกเชนมีศักยภาพสูง เขายกตัวอย่างแนวคิดของเศรษฐกิจแบ่งปันอย่าง อูเบอร์ และ แอร์บีเอ็นบี ที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถสร้างรายได้จากเวลาว่าง ว่าเช่นเดียวกัน บล็อกเชนก็มี *โครงสร้างแรงจูงใจผ่านโทเคน* ที่สามารถเปลี่ยนทรัพยากรที่ไม่ได้ใช้งานให้กลายเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ

เขาเสริมว่า “มีโปรโตคอลบางประเภทที่ใช้โทเคนเป็นรางวัลเพื่อจูงใจให้คนทั่วไปติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านหรืออุปกรณ์แบตเตอรี่ใช้ในครัวเรือน” ซึ่งแนวคิดนี้สามารถนำพาไปสู่ *โครงข่ายพลังงานรูปแบบใหม่* ที่ไม่ต้องอิงกับศูนย์กลาง และลดการใช้ทุนมหาศาลในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิม

ประเด็นเรื่องการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของสหรัฐยังสอดคล้องกับนโยบาย ‘America’s AI Action Plan’ ที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ผลักดันอย่างต่อเนื่อง โดยในเอกสารยุทธศาสตร์ฉบับนี้มีการระบุว่า จำเป็นต้องปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ เพื่อรองรับการ *ขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI และความต้องการด้านการประมวลผลสมรรถนะสูง (HPC)* ที่เพิ่มขึ้น

ตามเนื้อหารายงาน ระบุว่า “โครงข่ายไฟฟ้าของสหรัฐเป็นหนึ่งในระบบที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดในโลก ซึ่งหากจะรองรับบทบาทสำคัญของศูนย์ข้อมูลและอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานปริมาณมากในอนาคต จำเป็นต้องมีการยกเครื่องระบบไฟฟ้าอย่างครอบคลุม” โดยทรัมป์ยังได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า สหรัฐควร “เตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อรองรับความต้องการด้าน AI, การขุดเหรียญคริปโต และโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลสมรรถนะสูง”

จางมองว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ก้าวกระโดดในเชิงเทคโนโลยี แต่ยังเป็นโอกาสในการ *ลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบที่มากเกินไป* โดยเขาเห็นว่า ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชนสามารถช่วยลดขั้นตอนทางราชการ และเร่งปรับโครงสร้างการกระจายพลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม