จีนเตือนภัยข้อมูลชีวมิติจากเวิลด์คอยน์(WLD) หวั่นกระทบความมั่นคงชาติ

รัฐบาลจีนเตือนความเสี่ยงจากการเก็บข้อมูลชีวมิติของบริษัทคริปโตต่างชาติ โดยมี ‘เวิลด์คอยน์’ เป็นจุดสนใจหลัก หลังจากกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติของจีนออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 ระบุว่า บริษัทต่างชาติกำลังเก็บข้อมูล ‘การสแกนม่านตา’ จากผู้ใช้งานทั่วโลก และส่งต่อข้อมูลดังกล่าวไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศ ซึ่งกิจกรรมนี้อาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อ ‘ความมั่นคงของชาติ’ อย่างร้ายแรง

แม้ในแถลงการณ์จะไม่ได้ระบุชื่อบริษัทโดยตรง แต่ลักษณะการดำเนินงานของบริษัทที่กล่าวถึง — โดยเฉพาะการเก็บข้อมูลม่านตาเพื่อแจกจ่ายโทเคน — ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนไปยังโครงการเวิลด์คอยน์(Worldcoin) ซึ่งบริหารโดย แซม อัลท์แมน(Sam Altman) ผู้บริหารโอเพนเอไอ โครงการนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจากการเสนอให้ผู้ใช้งานสแกนม่านตาเพื่อรับโทเคน WLD ส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 10 ล้านคนทั่วโลกในเวลาสั้น

หน่วยงานความมั่นคงของจีนชี้ว่า *ข้อมูลชีวมิติ* ไม่ใช่แค่ข้อมูลส่วนบุคคลธรรมดา แต่สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย อาทิ ‘การปลอมแปลงตัวตน’, ‘ฉ้อโกงทางการเงิน’ และ ‘การติดตามอย่างผิดกฎหมาย’ โดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ข้อมูลลายนิ้วมือจากระบบชำระเงินของต่างประเทศรั่วไหล และถูกแฮกเกอร์นำไปใช้ในการเจาะระบบ นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่าหน่วยข่าวกรองจากประเทศอื่นอาจลอบเก็บข้อมูลชีวมิติของชาวจีน เพื่อนำไปใช้ใน ‘ภารกิจจารกรรม’

จีนย้ำว่ากฎหมายในประเทศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลชีวมิติมีความเข้มงวด พร้อมเรียกร้องให้พลเมืองและองค์กรต่าง ๆ เคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด และเร่งแจ้งหากพบพฤติกรรมน่าสงสัยในการเก็บข้อมูล โดยเน้นย้ำความจำเป็นในการสร้าง ‘ความตระหนักด้านความปลอดภัยของข้อมูลชีวมิติ’

เวิลด์คอยน์ขยายการดำเนินงานไปยังหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และมาเลเซีย แต่ในขณะเดียวกันก็เผชิญแรงต้านในหลายพื้นที่ เช่น เยอรมนี, โคลอมเบีย, ฮ่องกง, เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย โดยมีสาเหตุจาก ‘การละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูล’, ‘ความโปร่งใสที่ไม่เพียงพอ’ และ ‘ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ’ โดยเฉพาะฮ่องกงซึ่งได้แบนกิจกรรมของเวิลด์คอยน์อย่างเป็นทางการแล้ว ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ราคาโทเคน WLD อยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่อง

ทางเวิลด์คอยน์ยังคงยืนยันว่า ระบบของตนใช้ข้อมูล ‘ที่เข้ารหัส’ และปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังถูกวิจารณ์ว่า *การรับมือกับความกังวลของหลายประเทศยังไม่เพียงพอ* จากท่าทีล่าสุดของจีน มีความเป็นไปได้สูงว่าโครงการเวิลด์คอยน์และโปรเจกต์ลักษณะเดียวกันอาจต้องเตรียมรับแรงกระแทกจากมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในอนาคต ความขัดแย้งกับหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศก็อาจปะทุขึ้นอย่างรุนแรงมากกว่าเดิมเช่นกัน