ทางการจีนออกคำเตือนรุนแรงเกี่ยวกับการเก็บ ‘ข้อมูลชีวมิติ’ ในโครงการคริปโต โดยเฉพาะการใช้การสแกนม่านตาเพื่อแจกจ่ายโทเคน ซึ่งอาจก่อให้เกิด *ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนตัว* และ *ความมั่นคงของชาติ* ตามแถลงการณ์ของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ (MSS) เมื่อวันที่ 3
ในประกาศด้านความปลอดภัยครั้งนี้ จีนระบุว่าการนำเทคโนโลยีชีวมิติเช่น *การจดจำใบหน้า ลายนิ้วมือ และม่านตา* มาใช้ในโครงการคริปโตบางรายที่ดำเนินงาน ‘ในนามของการออกสินทรัพย์ดิจิทัล’ กำลังกลายเป็นความเสี่ยงใหม่ โดยเผยว่ามีกรณีที่ *บริษัทคริปโตในต่างประเทศ* พยายามเก็บและถ่ายโอนข้อมูลดิบของม่านตาจากผู้ใช้งานในหลายประเทศ ซึ่งทางการจีนเห็นว่า “ไม่เพียงเป็นภัยต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่ยังอาจกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ”
แม้ว่าจะไม่ได้ระบุชื่อโครงการชัดเจน แต่หลายฝ่ายในอุตสาหกรรมชี้ว่าคำเตือนของทางการจีนน่าจะพุ่งเป้าไปที่โครงการ *เวิลด์คอยน์(Worldcoin)* ซึ่งดำเนินการโดย แซม อัลท์แมน(Sam Altman) ซีอีโอของโอเพนเอไอ และใช้เทคโนโลยีการสแกนม่านตาผ่านอุปกรณ์ชื่อว่า *Orb* เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานในการรับโทเคนคริปโต WLD ตามข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเวิลด์คอยน์ โครงการนี้เปิดให้บริการในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก แต่ *ไม่รวมจีน*
จีนได้ย้ำถึง *ความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลชีวมิติ* โดยชี้ว่าเมื่อข้อมูลชีวมิติเหล่านี้รั่วไหลแล้วจะไม่สามารถ ‘เปลี่ยนหรือเรียกคืนได้’ พร้อมประกาศว่าจะไม่ยอมให้บริษัทต่างชาติใดเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานในประเทศโดยเด็ดขาด
วงการคริปโตพยายามสร้างรูปแบบยืนยันตัวตนที่แตกต่างจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม เช่น การใช้ข้อมูลชีวมิติเพื่อยืนยันตัวบุคคล อย่างไรก็ตาม การใช้ *ม่านตา ลายนิ้วมือ หรือข้อมูลชีวมิติอื่น ๆ* ยิ่งทำให้เกิดคำถามมากขึ้นในด้าน *จริยธรรมและกฎหมาย* โดยกรณีของจีนครั้งนี้สะท้อนความพยายามของรัฐบาลที่จะควบคุมความเสี่ยงดังกล่าวในระดับประเทศ ‘อย่างเข้มงวด’
ความคิดเห็น 0