กฎหมาย GENIUS สหรัฐฯ อาจเร่งกระแสโทเคนสินทรัพย์จริง หลังห้ามสเตเบิลคอยน์แจกดอกเบี้ย

กฎหมาย GENIUS ที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านการรับรองอาจกลายเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้งาน ‘สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์’ แพร่หลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อกำหนดสำคัญในกฎหมายที่ห้ามมิให้สเตเบิลคอยน์ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยได้ กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่อาจผลักดันให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาด ‘โทเคนที่อิงกับสินทรัพย์จริง’ แทน

มุมมองนี้ถูกเสนอโดย วิล บีสัน(Will Beeson) อดีตผู้บริหารจากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอของยูนิฟอร์มแล็บส์ (Uniform Labs) ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านโซลูชันสภาพคล่องสำหรับตลาดโทเคนที่เน้นภาคสถาบัน โดยเขาให้สัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ากฎหมาย GENIUS ไม่เพียงจะส่งผลให้ ‘ความต้องการสเตเบิลคอยน์พุ่งขึ้น’ เท่านั้น แต่ยังเร่งการเติบโตของตลาด ‘สินทรัพย์จริงในรูปแบบโทเคน’ ไปพร้อมกันด้วย

"เมื่อกฎหมายห้ามไม่ให้สเตเบิลคอยน์มอบดอกเบี้ย นักลงทุนก็ย่อมมองหาทางเลือกอื่นที่ให้ผลตอบแทนได้" บีสันกล่าว พร้อมระบุว่า “กรณีนี้จะเป็นแรงผลักสำคัญให้ ‘เงินทุนไหลไปสู่สินทรัพย์ที่โทเคนได้และสามารถให้ดอกเบี้ย’ เช่น อสังหาริมทรัพย์หรือพันธบัตรในรูปแบบโทเคน”

ไม่เพียงแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่แนวโน้มนี้อาจส่งกระทบต่อ ‘นักลงทุนต่างชาติและสถาบันจัดการสินทรัพย์’ อีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มที่มองหาผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ความน่าสนใจของ ‘RWA โทเคน’ หรือ ‘สินทรัพย์จริงที่ถูกแปลงเป็นโทเคนบนบล็อกเชน’ อย่างตราสารหนี้และอสังหาริมทรัพย์ อาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มนักลงทุนเหล่านี้

ทั้งนี้ กฎหมาย GENIUS ถูกผลักดันโดยมีเป้าหมายวางกรอบการใช้งานสเตเบิลคอยน์ที่ยึดโยงกับดอลลาร์ทั่วทั้งตลาดโลก พร้อมชูวัตถุประสงค์เรื่อง ‘คุ้มครองผู้บริโภค’ และ ‘ลดการรบกวนระบบจ่ายเงินของสหรัฐฯ’ แต่ในอีกด้าน หน่วยงานภาคเอกชนบางส่วนกลับมองว่า ข้อจำกัดเช่นนี้อาจ ‘ฉุดนวัตกรรม’ และในทางกลับกัน อาจยิ่ง ‘ผลักดันให้กระแสสินทรัพย์จริงในรูปแบบโทเคน’ เติบโตเร็วกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ