บิตคอยน์(BTC) แตะ 120,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ NUPL ยังสะท้อนตลาดขาขึ้นระยะยาว

บิตคอยน์(BTC) ทำสถิติราคาสูงสุดใหม่อีกครั้งที่ประมาณ 120,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.668 ล้านบาทในปี 2025 ท่ามกลางการถกเถียงอย่างเข้มข้นว่า *แตะจุดสูงสุดของตลาดแล้วหรือยัง* หนึ่งในดัชนีสำคัญด้านออนเชนอย่าง *ดัชนีผลกำไรขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (NUPL)* กำลังถูกจับตาเป็นพิเศษในฐานะสัญญาณสำคัญที่อาจสามารถบอกทิศทางของตลาดได้

นักวิเคราะห์ของบริษัทคริปโตควอนต์ (CryptoQuant) ที่ใช้ชื่อว่า ‘Yonsei Dent’ เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของ NUPL ในรอบนี้ชี้ให้เห็นถึง *ภาวะตลาดขาขึ้นแบบขั้นบันได* ซึ่งแตกต่างจากรอบเดิมๆ และ *อาจยังไม่สิ้นสุด* เขาอธิบายว่า “เมื่อ NUPL สูงกว่า 0 แสดงว่าผู้ถือบิตคอยน์ที่มีกำไรมากกว่าผู้ที่ขาดทุน” พร้อมเสริมว่า “ยิ่งดัชนีนี้สูง ความต้องการขายก็จะยิ่งมากขึ้น นำไปสู่แรงเทขายในตลาด”

ในอดีต ดัชนี NUPL แสดงสัญญาณจุดสูงสุดตรงกับช่วงจุดพีคของตลาดขาขึ้นเสมอ ในปี 2017 เกิดพีคเพียงครั้งเดียว ขณะที่ในปี 2021 มีถึงสองครั้ง และในรอบปีนี้ก็เกิดขึ้นแล้วสองครั้ง โดยอยู่ระหว่างการพยายามสร้างพีคที่สาม ตามคำอธิบายของ Yonsei

สิ่งที่ทำให้รอบนี้แตกต่างอย่างชัดเจนคือ *การเข้าร่วมของนักลงทุนสถาบัน* โดยเฉพาะหลัง *สหรัฐฯ อนุมัติ ETF บิตคอยน์แบบสปอต* ประกอบกับบริษัทขนาดใหญ่นำบิตคอยน์เข้าสู่พอร์ตการลงทุน ส่งผลให้ *ขนาดของตลาดและสภาพคล่องเพิ่มขึ้นจากรอบก่อนหน้า* อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า *ผลตอบแทนต่อช่วงการปรับตัวขึ้นของราคาในแต่ละรอบกำลังลดลงเรื่อยๆ* ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าแม้ขาขึ้นจะอยู่ได้นานขึ้น แต่อัตราผลตอบแทนก็อาจไม่สูงดังเช่นที่เคย

อีกด้านหนึ่ง ค่า NUPL ที่ยังคงอยู่สูงกว่า 0 แสดงให้เห็นว่ายังคงอยู่ใน *ภาวะตลาดกระทิง* โดยราคาปัจจุบันของบิตคอยน์ยังสูงกว่าต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนระยะสั้น ซึ่งหากราคาพุ่งขึ้นต่อไป ย่อมเพิ่มความเป็นไปได้ที่นักลงทุนกลุ่มนี้จะเร่งขายเพื่อทำกำไร

อย่างไรก็ดี กลุ่มนักลงทุนระยะยาวยังคงแสดงความมั่นคง จากข้อมูลของบริษัทวิเคราะห์ออนเชน Glassnode พบว่า มูลค่า ‘การทำกำไร’ ของนักลงทุนระยะยาวโดยเฉลี่ย 7 วัน เคยพุ่งแตะประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนกรกฎาคม แต่หลังจากนั้นเริ่มลดระดับลงแสดงถึงแนวโน้มแรงขายที่บางเบาลง

เมื่อพิจารณาภาพรวมตลาดในขณะนี้ *ยังคงอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น* แต่ *รูปแบบการพุ่งแรงแบบอดีตอาจเกิดยากขึ้น* นักลงทุนจึงควรวางแผนรับมือกับ *การเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป* และปรับ *ความคาดหวังด้านผลตอบแทนให้สอดคล้องกับความเป็นจริงของตลาด*