ตลาด *บิตคอยน์(BTC)* เผชิญแรงเทขายอย่างรวดเร็วหลังจากถ้อยแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ส่งผลให้ราคาหล่นทะลุแนวรับสำคัญเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังแตะจุดสูงสุดใหม่
เมื่อวันที่ 6 (เวลาท้องถิ่น) *บิตคอยน์* พุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 124,457 ดอลลาร์ (ประมาณ 17.29 ล้านบาท) ก่อนจะร่วงลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 118,730 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.54 ล้านบาท) หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่ทำการซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติม ซึ่งหมายความว่า *ระดับแนวรับทางจิตวิทยาที่ 120,000 ดอลลาร์ได้ถูกทำลาย* และส่งผลให้ความเชื่อมั่นนักลงทุนลดลงทันที
แรงกดดันของราคาครั้งนี้มาจากคำให้สัมภาษณ์ของ *สก็อตต์ เบสเซนท์(Scott Bessent)* รัฐมนตรีการคลังสหรัฐ กับช่อง Fox Business โดยเขากล่าวว่า “เรากำลังเข้าใกล้แนวคิดเรื่องทุนสำรอง *บิตคอยน์* ในศตวรรษที่ 21” พร้อมเสริมว่า “แต่รัฐบาลจะไม่ทำการซื้อเพิ่มอีก อย่างไรก็ตามเราจะใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ยึดมาได้เพื่อเพิ่มทุนสำรอง” แสดงจุดยืนชัดเจนที่จะไม่เข้าแทรกแซงตลาดแบบตรงไปตรงมา
ถ้อยแถลงนี้กลายเป็นสัญญาณชัดเจนถึงการยับยั้งความหวังของนักลงทุนบางส่วนที่คาดว่า *รัฐบาลสหรัฐอาจเดินหน้าเก็บสะสมบิตคอยน์ระดับประเทศ* ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่า อาจมีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในรูปแบบกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีท่าทีระวังในการเข้าร่วมตลาดโดยตรง
นักวิเคราะห์มีความเห็นแยกเป็นสองมุมมอง บางส่วนมองว่าข่าวนี้จะสร้าง *แรงกดดันระยะสั้นต่อราคา* ในขณะที่บางฝ่ายเห็นว่าแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของ *บิตคอยน์* อาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก *ความคิดเห็น* ที่แพร่หลายที่สุดคือ ท่าทีของรัฐบาลที่ประกาศหลังราคาแตะจุดสูงสุด อาจเพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจในช่วงสั้น
ในขณะเดียวกัน ในวันเดียวกัน *Google Play* ได้ประกาศนโยบายใหม่สำหรับผู้ให้บริการกระเป๋าดิจิทัล โดย *กระเป๋ารูปแบบไม่ดูแลสินทรัพย์ (non-custodial wallet)* จะไม่อยู่ภายใต้ระเบียบควบคุมฉบับใหม่นี้ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานที่เก็บรักษาคีย์ส่วนตัวด้วยตนเองจะไม่ได้รับผลกระทบ มาตรการนี้อาจส่งผลเชิงบวกในระยะยาวต่อ *ระบบนิเวศของกระเป๋าแบบกระจายศูนย์*
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลในกระแสหลัก ความไม่ชัดเจนในจุดยืนของรัฐบาลกลับกลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาด *บิตคอยน์* สูญเสียทิศทาง และอาจ *เข้าสู่ช่วงปรับฐานในระยะสั้น* โดยไม่มีปัจจัยหนุนที่ชัดเจนในขณะนี้
ความคิดเห็น 0