โคอินเบสชี้สัญญาณตลาดขาขึ้น อัลต์คอยน์เตรียมพุ่งรับคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย

โคอินเบส(COIN) ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เผยสัญญาณเชิงบวกที่อาจบ่งชี้ถึงช่วงขาขึ้นของตลาด *อัลต์คอยน์* ท่ามกลางความคาดหวังต่อนโยบายการเงินของเฟด จากรายงานล่าสุดโดยแผนกลงทุนสถาบันของโคอินเบสระบุว่า มากถึง 75% ของสินทรัพย์ดิจิทัลนอกเหนือจากบิตคอยน์(BTC) กำลังแสดงผลตอบแทนที่เหนือกว่า ซึ่งอาจเป็นตัวชี้วัดว่า *ฤดูอัลต์คอยน์* ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

โคอินเบสยังชี้ว่าความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเป็น *ตัวแปรสำคัญ* ที่ผลักดันตลาดให้พลิกทิศทางกลับสู่ภาวะกระทิง โดยอ้างอิงจากข้อมูลตลาดของโพลีมาร์เก็ต (Polymarket) ที่ชี้ว่ามีโอกาสสูงถึง 75% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุม FOMC ช่วงเดือนกันยายน หากเป็นจริง จะกระตุ้นให้ *เงินทุนส่วนบุคคลที่ยังไม่เข้าสู่ตลาด* ไหลเข้าสู่ตลาดคริปโตในวงกว้าง

ทิศทางดังกล่าวสอดคล้องกับการที่อิทธิพลของบิตคอยน์ในตลาดเริ่มลดลง โดยอ้างอิงจากข้อมูลของคอยน์มาร์เก็ตแคป(Bitcoin Dominance) ณ ปัจจุบันบิตคอยน์มีอัตราครองส่วนแบ่งตลาดที่ 59.39% ลดลงกว่า 10.21 จุดจากช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) กลับสร้างสถิติใหม่ในปี 2025 โดยมีสัดส่วนราคาเทียบกับ BTC สูงถึง 0.039 BTC บ่งชี้ว่านักลงทุนที่ชื่นชอบความเสี่ยงได้เริ่มหันกลับมาลงทุนใน *อัลต์คอยน์* อีกครั้ง

โคอินเบสเน้นว่า ตลาดคริปโตกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยแนวโน้มการลงทุนที่เดิมเน้นไปที่บิตคอยน์อาจเริ่มเสื่อมถอย และหากมีปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก เช่น การลดดอกเบี้ย ก็มีโอกาสสูงที่ *กลุ่มทุนรายย่อย* จะเริ่มกลับเข้ามาเคลื่อนไหวในตลาดมากขึ้น “ปัจจุบันยังมีเงินทุนส่วนหนึ่งที่รออยู่ภายนอกและยังไม่เข้าสู่ตลาด เมื่อตลาดตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายการเงิน เงินทุนเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะทะลักเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงเช่นคริปโต” ตามรายงานของโคอินเบส

หากทิศทางนี้เป็นจริง คาดว่ากลุ่มอัลต์คอยน์นำโดยอีเธอเรียม, โซลานา(SOL) และอาวาแลนเช(AVAX) จะมีโอกาส *รีบาวด์* อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ที่มีปัจจัยกระตุ้นเชิงบวก ทั้งการคาดการณ์อนุมัติอีเธอเรียม ETF, ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเลเยอร์ 2 (L2), และกระแส *การผสานระหว่าง AI กับบล็อกเชน* ซึ่งอาจช่วยหนุนให้ความร้อนแรงของตลาดอัลต์คอยน์กลับมาอีกครั้ง

ความคิดเห็น: มุมมองของโคอินเบสดูไม่ใช่เพียงการมองโลกในแง่ดีธรรมดา แต่สะท้อนถึงโครงสร้างเศรษฐกิจมหภาคและพฤติกรรมตลาดที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้ *อัลต์คอยน์กลายเป็นทรัพย์สินหลักแนวใหม่* ที่นักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้นในระยะถัดไป

ถึงเวลาเฝ้าจับตาท่าทีของเฟด และพฤติกรรมตลาดคริปโตว่าจะตอบสนองต่อนโยบายการเงินครั้งต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะในโลกที่ความเสี่ยงใหม่อาจกลายเป็นความหวังใหม่ของนักลงทุนทั่วโลก.