บิตคอยน์(BTC) เสี่ยงปรับฐานลงสู่ 1.47 ล้านบาท ก่อนลุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ไตรมาส 4 ปี 2025

ก่อนที่ราคาบิตคอยน์(BTC) จะเดินหน้าเข้าสู่จุดสูงสุดรายปีอีกครั้ง นักวิเคราะห์ชี้ว่าอาจมีการทดสอบแนวรับสำคัญในช่วงประมาณ *1.47 ล้านถึง 1.52 ล้านบาท (106,000~110,000 ดอลลาร์)* เป็นลำดับถัดไป ทั้งยังมองว่าการปรับฐานล่าสุดของตลาดเป็นเหมือน ‘*การตรวจสุขภาพ*’ ที่ช่วยชำระแรงขายจากนักลงทุนฝั่งขาลง และเสริมโอกาสที่คริปโตเบอร์หนึ่งของโลกจะสามารถทำ ‘*จุดสูงสุดตลอดกาล*’ ใหม่ได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2025

ตามข้อมูลจาก CoinGecko เมื่อวันที่ 21 ราคาบิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ราว *113,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.58 ล้านบาท)* ปรับลดลงประมาณ 7% ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดกำลังจับตาการประชุมแจ็กสันโฮล ซึ่งจะมีถ้อยแถลงสำคัญจากเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หากมีสัญญาณว่าเฟดจะใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น ก็อาจกดดันให้ราคาบิตคอยน์เผชิญแนวโน้มขาลงเพิ่มขึ้นอีก

นักวิเคราะห์ชื่อ ZYN ระบุว่าแนวโน้มขาขึ้นของบิตคอยน์ตั้งแต่ปี 2023 ยังคงมีนัยสำคัญและสอดคล้องกับโซนแนวรับที่ *106,000~110,000 ดอลลาร์* ซึ่งเป็นระดับที่มักจะมีแรงซื้อกลับในอดีต โดยเขาเชื่อว่า “แม้ราคาจะปรับลดต่ำกว่าระดับสูงสุดชั่วคราว แต่หากเกิดการเทขายแบบตื่นตระหนก ก็จะทำให้นักลงทุนอ่อนแอออกจากตลาด เปิดโอกาสให้ราคากลับเข้าสู่แนวโน้มขึ้นขนาดใหญ่ได้อีกครั้ง”

ระดับราคา *114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.58 ล้านบาท)* ถือเป็นจุดสำคัญในการกำหนดทิศทางระยะสั้น นักวิเคราะห์จาก Rekt Capital เตือนว่า หากปิดสัปดาห์ต่ำกว่าระดับนี้ อาจตามมาด้วยการปรับฐานที่ลึกขึ้น เนื่องจากบิตคอยน์ยังไม่สามารถฝ่าแนวต้าน *118,000~120,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.64~1.66 ล้านบาท)* ได้ ทำให้โมเมนตัมขาขึ้นถดถอยชั่วคราว

ในขณะที่บรรดานักลงทุนรายใหญ่ในบิทฟิเน็กซ์(Bitfinex) ยังคงถือสถานะ ‘ซื้อ’ อยู่ต่อเนื่อง ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม CW ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนว่าตลาดยังอยู่ในช่วง ‘สะสม’ แต่ด้าน “กัปตัน ไฟบิก” นักวิเคราะห์อีกคนหนึ่งให้ความเห็นว่า หากราคาหลุดระดับ *111,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท)* ซึ่งเป็นบริเวณค่าเฉลี่ย 50 วันบิตคอยน์ ก็อาจปรับลดลงต่อไปถึง *ช่วงต้นของ 108,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.50 ล้านบาท)*

ในภาพรวม นักวิเคราะห์ต่างเห็นพ้องกันว่าการเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์ในช่วง *106,000~114,000 ดอลลาร์* จะเป็นตัวกำหนดทิศทางสำคัญในระยะถัดไป หากยังรักษาระดับแนวรับนี้ไว้ได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง แต่หากหลุดจากช่วงนี้ การทำ *จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล(ATH)* จะต้องเลื่อนออกไปอีกระยะหนึ่ง นักลงทุนจึงควรระมัดระวังและประเมินกลยุทธ์เทรดอย่างรอบคอบในช่วงเวลานี้