บิตคอยน์(BTC) ร่วงเฉียบต่ำกว่า 118,000 ดอลลาร์ ชำระบัญชีคริปโตพุ่งทะลุ 930 ล้าน

ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงต่ำกว่า 118,000 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่กี่นาที ส่งผลให้ตลาดเผชิญกับภาวะการ *ถูกชำระบัญชีครั้งใหญ่* แม้ว่าก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ราคาจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 124,500 ดอลลาร์ เป็นอีกหนึ่งวันที่ความผันผวนรุนแรงเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด

อ้างอิงจากข้อมูลของแพลตฟอร์มซื้อขายต่างๆ บิตคอยน์เริ่มร่วงลงสู่ระดับ 121,000 ดอลลาร์ ก่อนจะเผชิญ *แรงขายขนาดใหญ่* ภายในเวลาเพียง 10 นาที และลากราคาลงต่ำกว่า 118,000 ดอลลาร์อย่างฉับพลัน แม้ราคาจะพยายามฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ยังคงต่ำกว่าสูงสุดของวันถึง 5,000 ดอลลาร์

ภาวะดังกล่าวยังส่งผลถึงตลาดอัลต์คอยน์ โดยอีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL), ดอจคอยน์(DOGE) และคาร์ดาโน(ADA) ต่างร่วงลงระหว่าง 2-3% ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เนื่องจาก *ตำแหน่งเลเวอเรจที่สูงเกินไปในตลาดถูกชำระบัญชีจำนวนมาก* ความผันผวนจึงกระจุกตัวอย่างรุนแรงในช่วงเวลาสั้นๆ

ข้อมูลจากเว็บไซต์ CoinGlass ระบุว่า ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตลาดคริปโตมีการชำระบัญชี *รวมถึง 930 ล้านดอลลาร์* โดยในช่วงไม่กี่ชั่วโมงล่าสุดเพียงอย่างเดียว มูลค่าการชำระบัญชีก็สูงถึง 460 ล้านดอลลาร์ มีนักเทรดจำนวนกว่า 207,000 รายที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้

ความย้อนแย้งคือ ข่าวสำคัญที่ออกมาในวันเดียวกันนั้นสามารถมองได้ว่าเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมตลาด ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเปิดเผยว่าสหรัฐฯ เริ่มให้ความร่วมมือเชิงการทูตกับยูเครน และถึงขั้น *ส่งสัญญาณความเป็นไปได้ของข้อตกลงด้านอาวุธนิวเคลียร์* ซึ่งมองว่าเป็นการคลี่คลายความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ดูเหมือนราคาตลาดจะตอบสนองในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรุนแรง

ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดคริปโตเห็นตรงกันว่า การร่วงลงรอบนี้เป็นผลผสมระหว่าง *การปรับฐานทางเทคนิคหลังจากภาวะซื้อมากเกินไป* และการชำระตำแหน่งที่มีเลเวอเรจสูงอย่างต่อเนื่อง ปริมาณการซื้อขายและความเร็วในการชำระบัญชีที่สูงกะทันหัน ทำให้ตลาดเหมือนถูก ‘เตือนภัยพายุ’ อย่างกะทันหันในสายตานักวิเคราะห์

การเคลื่อนไหวครั้งนี้กลายเป็นกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนว่า *แรงขายจากการทำกำไรหลังการทำจุดสูงสุดใหม่ของบิตคอยน์* ผสมกับการชำระบัญชีของตำแหน่งเลเวอเรจสามารถกระจายผลกระทบเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็วเพียงใด นักลงทุนจึงควรจับตาทิศทางราคาที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมทั้งเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของข้อมูลการชำระบัญชีอย่างใกล้ชิด