บิตคอยน์(BTC) รีบาวด์แตะ 114,000 ดอลลาร์ ขณะพายคอยน์(PI) ดิ่งแตะระดับต่ำสุดใหม่

บิตคอยน์(BTC) กลับมาซื้อขายที่ระดับ 114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.8 ล้านบาท) ได้อีกครั้ง แต่ภาพรวมในตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังคงเป็นไปในทิศทางลบ โดยเฉพาะ ‘พายเน็ตเวิร์ก(Pi Network)’ ที่ราคาของโทเคนร่วงลงจนใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง

ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในตลาดบิตคอยน์เริ่มชัดเจนขึ้นหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ประกาศ ‘ตรึงอัตราดอกเบี้ย’ เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน โดยก่อนหน้านี้ บิตคอยน์เคยพุ่งขึ้นแตะระดับ 119,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.5 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ควบคู่กับข่าวเรื่อง ‘มาตรการกำแพงภาษีตอบโต้’ และ ‘การส่งเรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์’ เป็นชนวนให้ราคาร่วงลงอย่างรวดเร็ว โดยช่วงสุดสัปดาห์ BTC เคยหล่นไปที่ระดับ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.5 ล้านบาท)

ถึงแม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้าง จนสามารถรีบาวด์ขึ้นได้เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 116,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.1 ล้านบาท) ได้ และถูกแรงขายดันกลับลงมาอีกครั้ง ปัจจุบัน บิตคอยน์เคลื่อนไหวบริเวณ 114,000 ดอลลาร์ ขณะที่มูลค่าตลาดรวมของคริปโตทั้งหมดลดลงมาต่ำกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,282 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ตาม *บิตคอยน์ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดไว้ใกล้ระดับ 60%*

ด้าน *อัลต์คอยน์กลับเข้าสู่ภาวะปรับฐาน* โดยอีเธอเรียม(ETH) ไม่สามารถผ่านแนวต้าน 3,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 513,000 บาท) และปัจจุบันซื้อขายอยู่แถวช่วงกลางของ 3,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 500,000 บาท) ขณะที่สกุลเงินชั้นนำอื่นๆ ทั้ง ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL), ดอจคอยน์(DOGE), สเตลลาร์ลูเมนส์(XLM) และ ตันคอยน์(TON) ล้วนปรับตัวลงถึง 4% ภายในวันเดียว เช่นเดียวกับไลต์คอยน์(LTC) ที่ร่วงลงเกือบ 5% หลังจากดีดขึ้นแรงในวันก่อนหน้า

สำหรับโทเคน *พายคอยน์(PI)* ซึ่งเคยได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อย ก็ยังไม่สามารถฝ่าวิกฤตได้ โดยราคาลดลงถึง 4% จนกลับมาใกล้ระดับต่ำสุดที่ทำไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในกลุ่มเหรียญขนาดเล็ก พบว่าโทเคน ‘บองค์(BONK)’ และ ‘เพนกวิน(PENGU)’ ร่วงลง 6-7% ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สูญเสียมูลค่ามากที่สุดของวัน ขณะที่ ‘เมนเทิล(MNT)’ ถือเป็น *หนึ่งในไม่กี่โทเคนที่สามารถปรับตัวขึ้นได้* แม้ท่ามกลางภาวะตลาดซบเซา โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3%

ล่าสุด ยังมีปัจจัยเชิงจิตวิทยาที่ส่งผลต่อราคา เมื่อมีรายงานว่า *ทรัมป์ อาจไม่ลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งหน้า* ซึ่งกลายเป็นตัวเร่งให้ตลาดเกิดแรงขายในระยะสั้น ด้วยความกังวลเกี่ยวกับทิศทางนโยบายในอนาคต นักวิเคราะห์หลายคนยังคงเตือนว่า *ความผันผวนจากปัจจัยมหภาค* น่าจะยังคงอยู่ในตลาดคริปโตอีกระยะหนึ่ง และนักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา