เมสซารี รีเสิร์ช(Messari Research) รายงานว่า SynFutures ประสบภาวะถดถอยในไตรมาส 2 ปี 2025 แม้จะมีการขยับกลยุทธ์สู่เครือข่ายเบส(Base) พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถต้านทานแนวโน้มตัวเลขที่ลดลงได้ โดยตัวชี้วัดสำคัญทั้ง ‘กิจกรรมผู้ใช้’ และ ‘ปริมาณการซื้อขาย’ ต่างลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากรายงานเมื่อวันที่ 24 ของเมสซารี ระบุว่า ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของ SynFutures ร่วงลงเหลือ 147.4 ล้านดอลลาร์ สะท้อนลดลงถึง *61.1%* จากไตรมาสก่อนหน้า รายได้จากค่าธรรมเนียมก็ปรับลดจาก 7 ล้านดอลลาร์ เหลือ 2.7 ล้านดอลลาร์ ลดลง *61.2%* เช่นกัน ขณะที่ที่อยู่ผู้ใช้งานเฉลี่ยต่อวันลดลงจาก 4,680 เหลือเพียง 2,250 ที่อยู่ หรือลดลงกว่า *52%* ในแง่กิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง เช่นเดียวกับที่อยู่ผู้ใช้งานที่เคลื่อนไหวรายวันก็ลดลงเหลือครึ่งหนึ่ง
เมสซารีให้ความเห็นว่า การลดลงอย่างรวดเร็วนี้อาจเป็นผลจากความ ‘ติดขัด’ ระหว่างการเปลี่ยนผ่านระบบจากเครือข่ายบลาสต์(Blast) มาสู่เบส ซึ่ง SynFutures ประกาศถอนตัวจากบลาสต์เมื่อวันที่ 15 เมษายน โดยมุ่งจับตลาดที่มี *สภาพคล่องลึก* และขยายฐานผู้ใช้ผ่านเบส อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ในไตรมาส 2 เผยให้เห็นว่าปริมาณการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์สแบบไม่มีวันหมดอายุ (perpetual futures) ลดลงกว่า 13.4 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่จำนวนที่อยู่ผู้ใช้งานก็ลดตามมา
ถึงกระนั้น เมสซารีก็ชี้ว่าจำนวนที่อยู่ผู้ใช้งานรายวันเฉลี่ยที่ยังสามารถคงไว้ได้มากกว่า 2,099 ที่อยู่ตลอดช่วงไตรมาส ถือเป็น ‘สัญญาณบวก’ ที่บ่งชี้ว่ายังมีฐานผู้ใช้งานที่เหนียวแน่นอยู่พอสมควร
ในแง่สินทรัพย์ที่มีการซื้อขาย ‘อีเธอเรียม(ETH)’ กลับขึ้นมาเป็นสินทรัพย์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด คิดเป็น *45.8%* ของทั้งหมด แซงหน้าบิตคอยน์(BTC) ซึ่งเป็นที่หนึ่งในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่เหรียญอื่นๆ อย่าง ‘ซุย(SUI)’, ‘GOAT’, ‘ME’, ‘MEW’, ‘MOVE’, และ ‘PENGU’ มีการซื้อขายบ้างในปริมาณน้อย โดย BTC และ ETH รวมกันคิดเป็นมากถึง *87%* ของตลาดทั้งหมด
เพื่อกระตุ้นฐานผู้ใช้และสร้างความหลากหลาย SynFutures ได้เปิดตัวตลาดฟิวเจอร์สแบบไร้กำหนดระยะเวลาสำหรับ *น้ำมันดิบ WTI* และ *ทองคำ(XAU)* บนเครือข่ายเบสเมื่อปลายเดือนมิถุนายน โดยตลาด WTI ใช้ข้อมูลราคาจาก Pyth Network ส่วนทองคำอ้างอิงราคาโดยการใช้โอราเคิลของ Chainlink การเปิดตัวสินทรัพย์ที่อิง ‘ของจริง’ เหล่านี้ถือเป็นความพยายามสร้าง *การกระจายตัวของตลาดอนุพันธ์แบบไร้ศูนย์กลาง*
อีกด้าน SynFutures ได้แนะนำ *AI Agent* ชื่อ ‘Synthia’ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแลกเปลี่ยนคริปโตผ่านคำสั่งภาษาธรรมชาติ โดยระบบนี้ทำงานร่วมกับแหล่งสภาพคล่องชื่อดังอย่าง Uniswap, Pancakeswap, และ Aerodrome พร้อมรองรับฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การ “แบ่งคำสั่งซื้อ” (split execution) และ “มัลติฮอปรูทติ้ง” (multi-hop routing) ทั้งยังเชื่อมโยงกับกระเป๋าคริปโต Web3 อย่าง Privy เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอเยนต์ AI ที่ตรงตามความต้องการได้ในอนาคต
เพื่อขยายระบบนิเวศเพิ่มเติม SynFutures ยังเริ่มโครงการ “Builder Program” เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน เพื่อสนับสนุนการพัฒนา DeFi โดยให้อินฟราสตรัคเจอร์ที่ปรับแต่งได้ แม่แบบส่วนหน้า และตัวประมวลผลคำสั่งแก่เหล่านักพัฒนา ตัวอย่างแรกคือ DEX แบบสปอต ‘Monday Trade’ ที่เปิดตัวบน testnet ของ Monad โดยรายได้บางส่วนจากโครงการนี้จะถูกนำไปใช้ในการซื้อคืนโทเคน F ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นความต้องการโทเคน
ในแง่ของตลาด F Token เองก็เกิดความเคลื่อนไหว โดยช่วงวันที่ 15–29 มิถุนายน SynFutures จัดการแข่งขันซื้อขายมูลค่ารวมราว 550,000 ดอลลาร์บน Binance Alpha ส่งผลให้ความ *เข้าถึงง่าย* และ *การรับรู้ของตลาด* เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม มูลค่าตลาดรวมยังลดลงเหลือ 17.1 ล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงปลายมีนาคมที่ลดลงราว *30%* ส่วนราคาก็ลดลงหนักถึง *44.8%* เหลือเพียง 0.009 ดอลลาร์ ขณะที่จำนวนโทเคนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจาก 1.59 พันล้านเป็น 1.97 พันล้านโทเคน หรือขยายขึ้น *19.7%*
ความคิดเห็นของเมสซารีมองว่า แม้ผลประกอบการหล่นลงในระยะสั้น แต่ SynFutures ได้วางรากฐานเพื่อ “สร้างสภาพคล่องและฐานผู้ใช้ในระยะยาว” ผ่านการลงทุนใน AI, เครื่องมือเทรดใหม่, ตลาดอนุพันธ์สินทรัพย์จริง รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักพัฒนา อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังอยู่ที่การสร้างความยั่งยืนให้กับ *สภาพคล่องของโทเคน* และ *ความผูกพันของผู้ใช้งาน* ในระยะยาว
ความคิดเห็น 0