สภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังจุดกระแสถกเถียงครั้งใหม่ หลังมีความพยายามฟื้นฟูระบบ ‘โจรสลัดที่ได้รับการรับรองโดยรัฐ’ เพื่อจัดการกับอาชญากรรมไซเบอร์ โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เดวิด ชไวเคิร์ต(David Schweikert) ส.ส.จากพรรครีพับลิกัน ได้เสนอร่างกฎหมายชื่อว่า “กฎหมายให้อำนาจมาร์กและการลงโทษเพื่อจัดการฟาร์มฉ้อโกง ปี 2025” (Scam Farms Marque and Reprisal Authorization Act of 2025) ร่างกฎหมายดังกล่าวเปิดทางให้ภาคเอกชนที่ติดอาวุธสามารถรับ ‘อำนาจทางกฎหมาย’ จากรัฐ เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากกลุ่มอาชญากรไซเบอร์
สาระสำคัญของกฎหมายคือ การให้อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ มอบหมายพลเรือนในการจับกุมผู้กระทำความผิดไซเบอร์พร้อมยึดทรัพย์สินของพวกเขา หากเห็นว่าบุคคลหรือกลุ่มเหล่านั้นเป็นภัยต่อ ‘เศรษฐกิจ’ หรือ ‘ความมั่นคงของชาติ’ พวกเขาจะได้รับ ‘จดหมายมาร์ก’ ซึ่งเป็นเอกสารแสดงอำนาจอย่างเป็นทางการในการดำเนินภารกิจ โดยอาจครอบคลุมถึงการปฏิบัติต่อทั้งในทางแพ่งและอาญา
ครอบคลุมอาชญากรรมไซเบอร์เกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่การปล้นเหรียญดิจิทัล, การหลอกลวงแบบ ‘หลอกลงทุนด้วยความรัก’ หรือ ‘Pig Butchering’, การโจมตีโดยเรียกค่าไถ่ (Ransomware), การขโมยตัวตน, การเจาะเข้าสู่ระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต, การขายรหัสผ่านออนไลน์ ไปจนถึงการใช้มัลแวร์เพื่อโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ โดยร่างกฎหมายระบุว่า การกระทำเหล่านี้เทียบเท่ากับ ‘การทำสงคราม’ ที่มี ‘องค์กรอาชญากรรมและรัฐบาลต่างชาติเข้าร่วม’
ชไวเคิร์ตระบุในร่างกฎหมายว่า “องค์กรอาชญากรรมที่ใช้ช่องทางไซเบอร์และแรงงานบังคับได้ก่อภัยคุกคามอย่าง *ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน* ต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐฯ” โดยมีความเป็นไปได้ว่า แนวคิดมอบอำนาจให้พลเรือนจัดการภัยไซเบอร์ อาจเป็นการนำหลักการ ‘มาร์กแอนด์รีไพรซอล’ ที่เคยใช้ในศตวรรษที่ 18 มาใช้ใหม่ในยุคดิจิทัล
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ สะท้อนเจตนารมณ์ของรัฐบาลกลางที่ต้องการจัดการ *อาชญากรรมไซเบอร์* ให้ได้แม้ในพื้นที่ที่รัฐไม่สามารถเอื้อมถึง อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายฝ่ายมองว่าการอนุญาตให้พลเรือนใช้กำลังติดอาวุธเพื่อยึดทรัพย์และลงโทษผู้กระทำความผิด อาจ ‘ล้ำเส้น’ และนำไปสู่การละเมิดรัฐธรรมนูญ
แม้ร่างกฎหมายยังไม่ผ่านสภา แต่หากประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับ *อำนาจพิเศษ* ในการประกาศภัยไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับ *สินทรัพย์ดิจิทัล* เป็นภัยความมั่นคงระดับชาติ ก็อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อทิศทางของนโยบายไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของสหรัฐฯ และสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ต่อวงการคริปโตทั่วโลก
ความคิดเห็น 0