เมตาแพลนเน็ตดันบิตคอยน์(BTC) สู่เวทีโลก หลังเข้าดัชนี FTSE Japan และ All-World

เมตาแพลนเน็ต(Metaplanet) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการถือครองบิตคอยน์(BTC) จากญี่ปุ่น ได้ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ด้วยการถูกบรรจุเข้าดัชนี FTSE Japan ซึ่งเป็นดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ถือเป็นหมุดหมายใหม่ของการบรรจบกันระหว่าง *คริปโตเคอร์เรนซี* กับการเงินแบบดั้งเดิม โดยการเข้าร่วมดัชนีครั้งนี้ยังสะท้อนถึงกลยุทธ์การสะสมบิตคอยน์ขนาดใหญ่ของบริษัท และดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ

เมื่อล่าสุด เมตาแพลนเน็ตได้ออกแถลงการณ์การซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติมอีก 103 เหรียญ คิดเป็นจำนวนเงินราว 11.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,620 ล้านบาท) โดยมีราคาซื้อเฉลี่ยต่อเหรียญที่ประมาณ 113,491 ดอลลาร์ หรือราว 15.78 ล้านบาท ทำให้จำนวนบิตคอยน์ที่บริษัทถือครองแตะระดับ 18,991 BTC แล้ว คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวมสะสมสูงถึง 1.95 พันล้านดอลลาร์ (กว่า 2.71 แสนล้านเยน)

ตั้งแต่ต้นปี 2024 การลงทุนใน *บิตคอยน์* ของบริษัทสร้างผลตอบแทนถึง 479.5% ซึ่งเหนือกว่าทรัพย์สินแบบดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ซื้อเพิ่มอีก 3,782 BTC ใช้งบลงทุนกว่า 424 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5,899 พันล้านเยน กลายเป็นประเด็นร้อนในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน

จุดที่น่าสนใจคือ เมตาแพลนเน็ตไม่ได้เพียงแค่ติดใน FTSE Japan เท่านั้น แต่ยังเข้าสู่ FTSE All-World Index ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทขนาดใหญ่จากทั่วโลกด้วยโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้กองทุนที่ลงทุนตามดัชนี (Index Tracking) และเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันมีแนวโน้มไหลเข้าสู่หุ้นของเมตาแพลนเน็ต ซึ่งจะต่อยอดไปสู่ ‘การลงทุนทางอ้อม’ ในบิตคอยน์ได้

ดัชนี FTSE All-World ถือว่าเป็นดัชนีที่เลือกเฉพาะบริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงในแต่ละภูมิภาค และเคยสร้างแรงกระเพื่อมทางการเงินมาแล้วเมื่อไมโครสแตรทิจี($MSTR) ติดเข้าสู่ดัชนี Nasdaq 100 ที่ผ่านมา บริษัทเมตาแพลนเน็ตก็ระบุว่ากำลังพิจารณาใช้บิตคอยน์ในครอบครองเพื่อเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ในอนาคตเช่นกัน

เมตาแพลนเน็ตตั้งเป้าถือครองบิตคอยน์จำนวน 210,000 BTC ภายในปี 2027 ซึ่งคิดเป็น 1% ของปริมาณบิตคอยน์ทั้งหมด โดยเริ่มใช้ยุทธศาสตร์ ‘บิตคอยน์เต็มตัว’ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ในครั้งนั้น ซีอีโอ ไซมอน เกอร์โรวิช(Simon Gerovich) ได้กล่าวว่า “เรากำลังถือกำเนิดใหม่ในฐานะบริษัทที่มี *บิตคอยน์เป็นศูนย์กลาง*”

นอกจากนี้ บริษัทยังแสดงผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ซึ่งสามารถเอาชนะดัชนี TOPIX Core 30 ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้อย่างชัดเจน แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะในการแข่งขันที่สามารถเทียบชั้นกับยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างโซนี่, โตโยต้า และนินเทนโด

กลยุทธ์ของเมตาแพลนเน็ตที่เชื่อมโลกของ ‘บิตคอยน์’ และตลาดหุ้นเข้าด้วยกัน ได้นำเสนอโมเดลใหม่ให้กับนักลงทุนที่คุ้นเคยกับสินทรัพย์แบบเดิม และการได้รับเลือกเข้าดัชนี FTSE Japan ในครั้งนี้ นับเป็นหลักฐานที่จับต้องได้ของศักยภาพในการผลักดัน *บิตคอยน์ให้เป็นทรัพย์สินบนงบดุล* ของภาคธุรกิจในระยะยาว