สัปดาห์นี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่บิตคอยน์(BTC)อาจกำหนดทิศทางของตลาดในระยะถัดไป แม้ถ้อยแถลงในเชิงผ่อนคลายของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะช่วยหนุนกระแสคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่ราคาของบิตคอยน์ยังดีดตัวได้อย่าง *จำกัด* ซึ่งชี้ให้เห็นว่าขาขึ้นยังไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ อีกทั้ง แม้สภาพคล่องของตลาดจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่การขาดแคลน *เม็ดเงินใหม่* ก็ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ
ข้อมูลออนไชน์ก็สะท้อนความลังเลนี้อย่างชัดเจน โดยแม้จะไม่พบสัญญาณการเทขายออกจากตลาดในระดับสูง แต่การเติบโตของเครือข่ายที่เริ่ม *ชะลอตัว* รวมถึงการเคลื่อนไหวที่ขาดสีสันจากนักลงทุนสถาบัน ก็ทำให้แรงซื้อไม่ก่อตัวขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น กล่าวคือ แม้เฟดจะส่งสัญญาณเชิงบวก แต่หากไม่มี *เงินทุนไหลเข้าใหม่* ตลาดก็ไม่สามารถสร้างช่วงขาขึ้นได้จริงจัง
มุมมองทางเทคนิคเองก็ยังไม่ให้ภาพที่ชัดเจน โดยบิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวใกล้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน (EMA) หลังจากไม่สามารถทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันได้สำเร็จ ราคาติดแนวต้านแถวระดับ 116,500 ดอลลาร์ (ราว 1.61 ล้านบาท) และพลิกกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ปริมาณการซื้อขายที่ซบเซาก็ยิ่งตอกย้ำว่าขาขึ้นนั้นถูก *บั่นทอน*
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการดีดตัวระยะสั้นยังไม่ถูกปิดตาย หากบิตคอยน์สามารถยืนเหนือโซน 111,000–112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.54–1.55 ล้านบาท) ได้มั่นคง การขยายตัวของสภาพคล่องอาจช่วยพาราคากลับสู่โซนฟื้นตัวได้ แต่หากแนวรับนี้พังลง ระดับ 104,000 ดอลลาร์ (ราว 1.44 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ก็อาจกลับมาเป็นแนวรับถัดไปในภาวะ *ย่อตัวแรง*
การที่บิตคอยน์จะเรียกคืนแรงบวกและเข้าสู่ช่วงขาขึ้นใหม่ได้อย่างมั่นคง จำเป็นต้องอาศัยมากกว่าแค่ ‘สภาพแวดล้อมทางการเงินที่ผ่อนคลาย’ เท่านั้น สิ่งที่ต้องการคือ *แรงผลักจากความมั่นใจของนักลงทุน และเม็ดเงินลงทุนจริงที่ไหลเข้ามา* โดยเฉพาะจากปัจจัยภายนอกอย่างความเป็นไปได้ในการกลับมาดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์, ทิศทางเศรษฐกิจมหภาค และกลยุทธ์พอร์ตการลงทุนของสถาบันขนาดใหญ่ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจร่วมกันจุดชนวนให้เกิดกระแสการเก็งกำไรใหม่ และทำให้สัปดาห์นี้กลายเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญ* ของตลาดคริปโต.
ความคิดเห็น 0