บิตคอยน์(BTC) เสี่ยงพังแนวรับ 105,000 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์เตือนขาลงยังไม่จบ

บิตคอยน์(BTC) พยายามไต่ระดับขึ้นสู่ระดับ *110,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 15.29 ล้านบาท) อีกครั้งในช่วงนี้ แต่ต้องเผชิญกับแรงเทขายอย่างหนัก ส่งผลให้แนวโน้มขาขึ้นเริ่มชะลอตัวลง จากรายงานของ Santiment บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลในตลาดคริปโตเมื่อเร็ว ๆ นี้ ระบุว่า การกล่าวถึงคำว่า ‘Buy the dip’ หรือ ‘ซื้อเมื่อราคาตก’ เพิ่มขึ้นอย่างมากบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งในมุมมองของบริษัท นี่เป็น *สัญญาณของความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปรับฐานเพิ่มเติม* โดย Santiment ชี้ว่า จุดต่ำสุดที่แท้จริงของตลาดมักจะเกิดขึ้นเมื่อ ‘นักลงทุนตกอยู่ในความกลัวอย่างสุดขีด’ และไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าซื้ออีกต่อไป

ขณะเดียวกัน บิตคอยน์ยังไม่สามารถกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล 20 วัน (EMA 20) ได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดทางเทคนิคที่สำคัญอย่างยิ่ง หากไม่สามารถฟื้นตัวเหนือระดับนี้ได้เร็ว ๆ นี้ ก็มีความกังวลว่า ราคาบิตคอยน์อาจร่วงลงไปถึงแนวรับสำคัญที่ *105,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 14.59 ล้านบาท) ความเห็นจากนักวิเคราะห์ด้านเทคนิคหลายรายระบุว่า หากไม่มีแรงซื้อกลับเข้ามาสนับสนุนในระยะสั้น ขาลงอาจรุนแรงยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดอัลต์คอยน์กลับมีแนวโน้มผ่อนคลายมากกว่า โดยส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในภาวะ *ปรับฐานแบบค่อยเป็นค่อยไป* ซึ่งส่อให้เห็นว่านักลงทุนยังไม่ตื่นตระหนกหรือขายตัดขาดทันที ความเคลื่อนไหวของบางเหรียญที่สามารถทรงตัวได้แม้อยู่ในระดับราคาต่ำ ช่วยสะท้อนว่ายังไม่มีการเข้าสู่ภาวะ “หวาดกลัวสุดขีด” อย่างเต็มรูปแบบในตลาด

ด้านมุมมองตามฤดูกาล พบว่า *เดือนกันยายนมักเป็นช่วงที่บิตคอยน์อ่อนตัว* จากข้อมูลของ CoinGlass ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2013 บิตคอยน์มีผลตอบแทนติดลบในเดือนกันยายนถึง 8 ครั้ง และมีค่าเฉลี่ยการลดลงราว 3.8% เมื่อพิจารณาปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ได้แก่ การแสดงความเห็นเกี่ยวกับคริปโตของประธานาธิบดีทรัมป์, การประกาศข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ และทิศทางของตลาดหุ้นอเมริกา

ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนยังคงจับตาคือ ‘ระดับแนวรับหลัก’ ว่าจะสามารถรักษาไว้ได้หรือไม่ และการประเมินว่า *ความกลัวในตลาดจะเข้าสู่จุดพีกเมื่อใด* เพื่อใช้เป็นสัญญาณสำคัญสำหรับการกลับตัวของราคาในอนาคต