ตลาดคริปโตเผชิญแรงขายหนัก บิตคอยน์และอีเธอเรียมร่วง นักลงทุนจับตาความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

ตลาดคริปโตเผชิญกับภาวะ ‘เผชิญคลื่นขาลง’ อีกครั้ง หลังจากแนวโน้มเชิงบวกก่อนหน้านี้ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตำแหน่งการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลมูลค่ากว่า 544 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 19,840 ล้านบาท) ถูกบังคับขาย ส่งผลให้ความกังวลต่อเสถียรภาพของตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตามข้อมูลจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนเชน ‘คอยน์กลาส(Coinglass)’ การเทขายครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง กระตุ้นให้เกิดความกลัวในหมู่นักลงทุน ขณะเดียวกัน เหตุการณ์แฮ็กที่เกิดขึ้นกับ ‘ไบบิท(Bybit)’ แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชื่อดัง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียอีเธอเรียม(ETH) มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 51,000 ล้านบาท) ก็ก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ จีน และแคนาดา ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนในระดับมหภาค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดคริปโตเข้าสู่ภาวะซบเซา ไม่เพียงเท่านั้น กองทุน ETF บิตคอยน์(BTC) ก็เผชิญกับการไหลออกของเม็ดเงินลงทุน พร้อมแรงขายที่เพิ่มขึ้น กดดันให้ราคาสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำยังคงลดลง

นักวิเคราะห์บางรายมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันคล้ายกับช่วงปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตเผชิญกับการปรับฐานรุนแรง ‘ทารา แมคคอลีย์(Tara McAulay)’ ผู้ร่วมก่อตั้งอดีตของ ‘อลาเมดา รีเสิร์ช(Alameda Research)’ และปัจจุบันเป็นซีอีโอของ ‘ฟารอส(Pharos)’ เตือนว่ามีความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเผชิญแรงขายเพิ่มเติม เธอย้ำว่านักลงทุนควรเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา บิตคอยน์ปรับตัวลดลงราว 0.45% อีเธอเรียมร่วง 1.5% และริปเปิล(XRP) สูญเสียมูลค่ากว่า 3.5% ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าการปรับฐานครั้งนี้เป็นเพียงแรงกระแทกสั้น ๆ หรือเป็นสัญญาณของภาวะขาลงที่อาจยืดเยื้อต่อไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยมหภาคและแนวโน้มของอุตสาหกรรมคริปโตในระยะถัดไป