บิตคอยน์(BTC) ขาดความเชื่อมโยงกับ M2 นักวิเคราะห์เตือนแนวโน้มปรับฐานรุนแรงขึ้น

บิตคอยน์(BTC)เริ่มสูญเสียความสัมพันธ์กับดัชนีเศรษฐกิจสำคัญอย่าง *ปริมาณเงิน M2 ทั่วโลก* ในขณะที่ทองคำยังคงแสดงความสอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับแนวโน้มของ M2 ที่เพิ่มขึ้น ความเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ของสินทรัพย์เหล่านี้กำลังส่งสัญญาณถึง *การสลับบทบาทระหว่างสินทรัพย์ในตลาด* ซึ่งทำให้นักลงทุนหลายรายเริ่มระมัดระวังมากขึ้น

โจ คอนซอร์ตี(Joe Consorti) หัวหน้าฝ่ายการเติบโตของเดอะยา(Theya) เปิดเผยว่าบิตคอยน์ล้าหลังอัตราการขยายตัวของ M2 ทั่วโลกมานานกว่า 70 วันแล้ว พร้อมชี้ว่า “ทองคำเป็นสินทรัพย์หลบความเสี่ยง (high beta risk-off) ขณะที่บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์เสี่ยง (high beta risk-on)” สะท้อนว่าบิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับหุ้นเทคโนโลยีและมีลักษณะการเก็งกำไรเด่นชัด

เมื่อสัปดาห์นี้ M2 ของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 22.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นกว่า 3,085 ล้านล้านวอน ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของเงินตั้งแต่ต้นปี 2024 กว่า 7% อย่างไรก็ตาม *แรงอัดฉีดทางการเงินเหล่านี้กลับไม่มีผลกระตุ้นราคาของบิตคอยน์อย่างที่คาด* โดยราคาบิตคอยน์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา และลดลงกว่า 9% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมถึงปรับตัวลงอีก 4.5% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

สถานการณ์ดังกล่าวชี้ว่าผู้ลงทุนยังมองบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับหุ้นเทคโนโลยี มากกว่าการเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ ถึงแม้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์จะเพิ่มขึ้น แต่ *นักลงทุนทั่วโลกกลับยังเลือกทองคำมากกว่าบิตคอยน์*

ในขณะที่ปีเตอร์ ชิฟ(Peter Schiff) นักวิเคราะห์สายทองคำที่ขึ้นชื่อเรื่องการวิพากษ์บิตคอยน์ ย้ำว่าบิตคอยน์กำลังเข้าสู่ภาวะตลาดหมีหลังจากอ่อนค่าลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับทองคำ อย่างไรก็ตาม ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา บิตคอยน์ยังสร้างผลตอบแทนถึง 78% ขณะที่ทองคำเพิ่มขึ้นเพียง 42%

ด้านนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่างแผนบี(PlanB) แสดงความคิดเห็นว่า “ธนาคารกลางยังคงพิมพ์เงินต่อเนื่อง ดังนั้นบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดจึงมีโอกาสปรับขึ้นในระยะยาว” สะท้อนมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับศักยภาพของบิตคอยน์ในอนาคต

แม้ในขณะนี้ราคาบิตคอยน์จะได้รับการพยุงอยู่ที่ระดับ 111,700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.55 ล้านบาท แต่หากไม่มีแรงส่งใหม่ที่ชัดเจน *แนวโน้มการปรับฐานในเดือนกันยายนอาจทวีความรุนแรงขึ้น* สะท้อนว่าแม้เงินในตลาดยังมีอยู่อย่างล้นเหลือ แต่ *ความเชื่อมั่นต่อบิตคอยน์ยังคงไม่มั่นคงนักในเวลานี้*