บิตคอยน์(BTC) ร่วงหลุด 113,000 ดอลลาร์ ล้างพอร์ตคริปโตกว่า 32,000 ล้านบาทภายใน 24 ชั่วโมง

ตลาดคริปโตเข้าสู่ภาวะผันผวนหนักภายในเวลา 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากเกิดการ ‘ล้างพอร์ต’ มูลค่ารวมกว่า 5,560 ล้านบาท โดยราคาของบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ร่วงลงอย่างรุนแรง ส่งผลให้เกิดวิกฤตสภาพคล่องทั่วทั้งตลาด

บิตคอยน์เคยซื้อขายอยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ระดับ 113,000 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับตัวลดลงแตะ 111,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.5 ล้านบาท) การร่วงลงต่ำกว่าระดับนี้สร้างแรงขายอย่างรวดเร็ว และนำไปสู่สถานการณ์ ‘ล้างพอร์ตแบบลูกโซ่’ ในหมู่ผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล

ในกรณีของอีเธอเรียม การปรับลงในรอบนี้ถือว่าหนักหน่วงที่สุด ตามข้อมูลจากผู้ให้บริการข้อมูลตลาด พบว่ามีการล้างโพซิชันที่เกี่ยวข้องกับอีเธอเรียมสูงถึง 127.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17,768 ล้านบาท) ขณะที่บิตคอยน์ล้างไปราว 57 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,923 ล้านบาท) และโซลานา(SOL) ประมาณ 17.3 ล้านดอลลาร์ (กว่า 2,405 ล้านบาท) เหรียญอื่นๆ อย่างดอจคอยน์(DOGE) และริปเปิล(XRP) ก็ได้รับผลกระทบจากการเทขายเช่นกัน

จำนวนนักลงทุนที่ถูกบังคับปิดโพซิชันครั้งนี้สูงถึงกว่า 128,000 ราย โดย ‘โพซิชันฝั่งซื้อ (Long)’ คิดเป็นถึง 95% ของทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่ารวม 231.2 ล้านดอลลาร์ (มากกว่า 32,117 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับฝั่งขาย (Short) ที่อยู่ที่เพียง 50.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,047 ล้านบาท) ชี้ให้เห็นว่าแรงเก็งกำไรที่มาพร้อมกับเลเวอเรจสูงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดเปราะบาง

ในส่วนของการล้างพอร์ตแบ่งตามแพลตฟอร์ม พบว่า Hyperliquid มีการล้างโพซิชันมูลค่ารวมประมาณ 62.5 ล้านดอลลาร์ (8,688 ล้านบาท) สูงสุดในตลาด ตามมาด้วยไบแนนซ์และ OKX ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงขายแบบเลเวอเรจกระจายไปทั่วตลาดในเวลาเดียวกัน

ด้านการวิเคราะห์เชิงเทคนิค ราคาบิตคอยน์ปรับตัวหลุดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล 50 วัน (50 EMA) โดยมีแนวรับใหญ่ถัดไปอยู่ที่เส้น 200 EMA บริเวณ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.7 ล้านบาท) หากแนวรับนี้พังลง มีความเป็นไปได้ที่จะเห็น ‘แนวรับจิตวิทยา’ ที่ระดับ 100,000 ดอลลาร์ถูกทดสอบ

ไม่ใช่เพียงเทคนิค แต่แนวโน้มปริมาณการซื้อขายก็ตอกย้ำถึงกระแสขาลง โดยมีแรงขายไหลเข้าต่อเนื่อง ขณะที่แรงซื้อยังคงล่าช้า แสดงให้เห็นว่าแรงเทขายรอบนี้ส่งผลทางจิตวิทยาอย่างหนักต่อตัวนักลงทุน อย่างไรก็ตาม มีมุมมองว่า การปรับฐานครั้งนี้อาจเป็นโอกาสล้างเลเวอเรจส่วนเกินออกจากระบบ และนำไปสู่การปรับสมดุลของ *อัตราดอกเบี้ยกู้ยืม* (Funding Rate) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคงในระยะยาว

แม้กระนั้น ในระยะสั้นมีโอกาสสูงที่ *ความผันผวนจะยังคงต่อเนื่อง* ตลอดสัปดาห์นี้ โดยราคาบิตคอยน์ยังประคองตัวอยู่ที่แนว 110,000 ดอลลาร์ หากมีแรงขายเกิดขึ้นเพิ่มเติม ระดับ 106,000 ดอลลาร์จะเป็น ‘แนวรับชี้เป็นชี้ตาย’ ที่จะกำหนดทิศทางถัดไปของตลาด