สำนักงานประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ(FDIC) เปิดเผยเอกสารความยาว 790 หน้า บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางการกำกับดูแลคริปโต
FDIC ได้เผยแพร่เอกสารล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าธนาคารและสถาบันการเงินที่ขออนุญาตให้บริการเกี่ยวกับคริปโตมักพบกับอุปสรรค เช่น การถูกระงับ ล่าช้า หรือถูกขอข้อมูลเพิ่มเติมเป็นประจำ การเปิดเผยครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลต่อการขยายตัวของภาคธนาคารเข้าสู่ตลาดคริปโต
เอกสารดังกล่าวเปิดเผยว่า 24 ธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ ได้ยื่นคำขอให้บริการเกี่ยวกับคริปโต แต่ส่วนใหญ่ได้รับข้อจำกัดอย่างเข้มงวด ซึ่งสอดคล้องกับการแสดงจุดยืนของทราวิส ฮิลล์(Travis Hill) รักษาการประธาน FDIC ที่ระบุว่า "FDIC จะทบทวนแนวทางกำกับดูแลคริปโตอย่างจริงจังในอนาคต" เป็นสัญญาณว่าการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
การเปิดเผยเอกสารครั้งนี้มีที่มาจากคำร้องขอข้อมูลตามกฎหมายว่าด้วยเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล(FOIA) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของบริษัท คอยน์เบส(Coinbase) ที่ร้องขอเอกสารจาก FDIC ในเดือนตุลาคม 2024 เพื่อสืบสวนข้อกล่าวหาว่า FDIC มีบทบาทในการปิดกั้นบริษัทคริปโตจากการเข้าถึงบริการธนาคารผ่านปฏิบัติการ ‘Chokepoint 2.0’ คำร้องยังรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนดที่จำกัดสัดส่วนเงินฝากของบริษัทคริปโตไว้ไม่เกิน 15% ของยอดรวมทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ FDIC เปิดเผยในเดือนธันวาคม 2024 ถูกเซ็นเซอร์เป็นวงกว้าง ทำให้ศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้หน่วยงานเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น อนา เรเยส(Ana Reyes) ผู้พิพากษาระบุว่า "การปกปิดข้อมูลเกือบทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่คำเชื่อม ถือเป็นการขาดความโปร่งใส"
ขณะเดียวกัน ซินเทีย ลูมมิส(Cynthia Lummis) วุฒิสมาชิกจากไวโอมิง ได้กล่าวหา FDIC เมื่อเดือนมกราคมว่าอาจมีการทำลายเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ ‘Chokepoint 2.0’ และเรียกร้องให้มีการคงรักษาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา หากพบว่ามีการทำลายจริง เธอระบุว่ากระทรวงยุติธรรมอาจต้องเข้าแทรกแซงด้วยมาตรการทางกฎหมาย
การเปิดเผยครั้งนี้ทำให้เห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของแนวทางกำกับดูแลคริปโตของ FDIC ซึ่งอาจส่งผลต่อการกำหนดนโยบายด้านกฎระเบียบในตลาดการเงินสหรัฐฯ ในอนาคต
ความคิดเห็น 0