ชิบะอินุ(SHIB) กว่า 504.5 พันล้านโทเคนไหลเข้าสู่กระดานเทรด ส่อเค้าแรงเทขายกดดันราคาต่อเนื่อง

ชิบะอินุ(SHIB) จำนวนกว่า 504.5 พันล้านโทเคนถูกโอนเข้าสู่กระเป๋าเงินของกระดานเทรดภายในเวลาเพียงวันเดียว สร้างความกังวลว่าอาจมี ‘แรงเทขายขนาดใหญ่ในระยะสั้น’ ท่ามกลางภาวะที่ตลาดคริปโตกำลังอยู่ในช่วงปรับฐาน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณกดดันราคาชิบะอินุในระยะใกล้มากยิ่งขึ้น

จากข้อมูลล่าสุด ภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง พบว่าทั้งวาฬและผู้ถือรายใหญ่ได้มีการโอนชิบะอินุปริมาณมากเข้าสู่กระดานซื้อขาย ซึ่งโดยปกติการ *เพิ่มขึ้นของโทเคนเข้าสู่กระดาน* มักถูกมองว่าเป็นการเตรียม ‘ขายทำกำไร’ ทำให้ตลาดเริ่มวิตกต่อแนวโน้มราคาที่อาจปรับลดลงในไม่ช้า

ย้อนดูกรณีก่อนหน้านี้เมื่อมีการโอนโทเคนในระดับใกล้เคียงกัน ตลาดส่วนใหญ่มักตอบสนองได้ไม่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่สภาพคล่องต่ำ ก็อาจทำให้ราคาร่วงแรง ที่น่าจับตาคือ สัญญาณจากกราฟ SHIB/USDT ชี้ให้เห็นว่าราคายังยืนอยู่เหนือแนวรับสำคัญที่ระดับ 0.0000121 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.017 บาท) แต่ยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านจากเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 วัน และติดอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมสมมาตร ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง

ที่ผ่านมา ราคาเคยพยายามดีดกลับจากระดับ 0.0000135 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.019 บาท) หลายครั้ง แต่ก็ถูก ‘แรงขาย’ สกัดไว้ได้ทุกครั้ง ซึ่งสะท้อนว่าผู้ถือรายใหญ่กำลังทยอยขายเหรียญออกอย่างต่อเนื่อง

ดัชนี RSI ขณะนี้อยู่ที่ระดับ 45 ซึ่งยังไม่ถึงจุด Oversold หรือขายมากเกินไป ทำให้ตลาดยังมีความเสี่ยงต่อการปรับลงต่อ หากแนวรับที่ 0.0000120 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.017 บาท) ไม่สามารถยืนได้ ก็มีโอกาสที่ราคาจะไหลลงไปถึงระดับ 0.0000115 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.016 บาท) หรือแม้แต่ 0.0000100 ดอลลาร์ (ประมาณ 0.014 บาท) ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดบางส่วนได้ให้ ‘คำเตือน’ ไว้

นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญก็ไม่ใช่เพราะแรงซื้อที่แท้จริง แต่เป็นผลจาก ‘การย้ายเหรียญเข้ากระดาน’ เพื่อรอขายมากกว่า ซึ่งหากไม่มีฝั่งผู้ซื้อเพียงพอจะรองรับก็มีโอกาสสูงที่จะเกิด ‘ความผันผวน’

โดยรวมแล้ว การที่มีโทเคนชิบะอินุปริมาณถึง 504.5 พันล้านโทเคนไหลเข้าสู่กระดานไม่ได้ทำให้ราคาดิ่งทันที แต่สร้างแรงกดดันในเชิงจิตวิทยาต่อผู้ถือเหรียญอย่างชัดเจน สิ่งที่ต้องจับตาคือ ราคาจะสามารถรักษาระดับแนวรับที่มีอยู่ต่อไปได้หรือไม่ เพราะหากไม่มี ‘การฟื้นตัวของฝั่งซื้อ’ ก็มีโอกาสที่จะเข้าสู่ *ภาวะปรับฐานที่รุนแรง* ตามมา ความเห็นจากนักวิเคราะห์ชี้ว่านี่คือปัจจัยเสี่ยงที่ตลาดกำลังเผชิญหน้ามากที่สุดในขณะนี้