บังคับชำระบัญชีกว่า 1.6 ล้านบัญชีเขย่าตลาดคริปโต ดันราคาเข้าสู่ภาวะสมดุลใหม่

เหตุการณ์การบังคับชำระบัญชีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ได้เขย่าตลาดคริปโตอย่างรุนแรง ส่งผลให้เทรดเดอร์ที่ใช้เลเวอเรจกว่า 1.6 ล้านรายทั่วโลกต้องเผชิญกับการขาดทุนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะตำแหน่งของบิตคอยน์(BTC)และอัลท์คอยน์หลักๆ ที่เปลี่ยนแปลงในวงกว้าง จนทำให้ทิศทางของตลาดกลับเข้าสู่ ‘สมดุล’ อีกครั้งอย่างไม่คาดคิด ท่ามกลางความผันผวนนี้ สายตาของนักลงทุนส่วนใหญ่จับจ้องไปยังทิศทางของตลาดหุ้นสหรัฐหลังเปิดทำการ

นักวิเคราะห์ชื่อดัง ‘ด็อกเตอร์ โปรฟิต’ (Doctor Profit) กล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่าเป็น “การเทรดที่วางแผนมาอย่างสมบูรณ์แบบ” เขาระบุว่าการร่วงลงในครั้งนี้ เป็นผลจากกระบวนการกระจายของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยมีการขายบิตคอยน์และอัลท์คอยน์ออกมาเป็นลำดับ ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเข้าใจผิดว่าเป็นช่วงการฟื้นตัวระยะสั้น จึงเข้าซื้อในจังหวะที่ผิด และท้ายที่สุดต้องถูกบังคับขายออกอย่างหมดหนทาง

ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าในคู่เทรดของอัลท์คอยน์หลักหลายรายการ มีอัตราการถูกบังคับชำระบัญชีสูงถึง *99%* หรือเกือบทั้งหมด ตอกย้ำให้เห็นว่าเทรดเดอร์จำนวนมากได้ทุ่มหนักไปในทิศทางเดียว ซึ่งกลายเป็นปัจจัยเร่งให้ตลาดถูก ‘ล้างใหม่’ อย่างสมบูรณ์ บางส่วนเชื่อว่านี่คือผลของ ‘เอฟเฟกต์พระจันทร์เลือด’ (Blood Moon Effect) ซึ่งเป็นรูปแบบทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าการพังทลายใหญ่ในตลาดนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรใหม่ และอาจนำไปสู่การกลับทิศหรือระยะการเก็บสะสมครั้งต่อไปได้

แม้ว่าตลาดจะฟื้นตัวในระดับหนึ่ง แต่ความเชื่อมั่นก็ยังไม่กลับมาเต็มที่ ผู้เชี่ยวชาญบางรายชี้ว่าหากบิตคอยน์สามารถรักษาระดับแนวรับทางเทคนิคไว้ได้ ก็อาจเห็นเป้าหมายราคาที่ *130,000 ดอลลาร์* (ราว 1.8 ล้านบาท) แต่ก็เตือนว่าต้องจับตาการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐ เงินเยนของญี่ปุ่น และนโยบายการควบคุมสภาพคล่องของสหรัฐอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นเทคโนโลยีก็เผชิญแรงกดดัน โดยเฉพาะจากนโยบายจีนที่ห้ามไม่ให้นำเข้าชิปจากเอนวีเดีย(NVDA) ทำให้บริษัทอาจสูญเสียรายได้สูงถึง 40% รวมถึงการชะลอตัวของดีมานด์ในสหรัฐและการเร่งพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศของจีน ก็ยิ่งสร้างแรงกดดันต่อหุ้นเทคโนโลยีโดยรวม อย่างไรก็ตาม ความผันผวนนี้ อาจเปิดโอกาสให้คริปโตเคลื่อนไหวในแนวทางของตนเอง และเกิดการ ‘แยกตัว’ จากตลาดหุ้นในอนาคต

*ด็อกเตอร์ โปรฟิตแนะนำให้หลีกเลี่ยงการขายในตอนนี้* พร้อมเน้นว่าสิ่งสำคัญคือการประเมินแนวโน้มหลังตลาดหุ้นสหรัฐเปิดทำการในวันจันทร์ “ตอนนี้คือช่วงพักเพื่อรอการเคลื่อนไหวครั้งใหม่ ตลาดถูกรีเซ็ตแล้ว และกำลังเข้าสู่ภาวะสมดุลระหว่างฝั่งขาขึ้นและขาลง” เขากล่าว พร้อมเสนอให้คงท่าทีระวังและไม่ตื่นตระหนกกับภาวะตลาดที่ผ่านมามากเกินไป

ในอีกด้าน ความหวังของการฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง เมื่อมีรายงานว่ามี *สถาบันการลงทุนบางแห่งเริ่มเข้าซื้อบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH)* อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณของการเข้าสู่ระยะการสะสมครั้งใหม่ ส่งผลให้ตลาดคริปโตอาจกำลังก้าวเข้าสู่วัฏจักรใหม่หลังผ่านพ้นพายุลูกใหญ่