บรรยากาศการลงทุนในตลาดคริปโตเริ่มมีความตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ประกาศแผนการเรียกเก็บ *ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 100%* เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) ส่งผลให้ดัชนี *ความกลัวและความโลภของตลาดคริปโต* (Crypto Fear & Greed Index) ลดลงอย่างรุนแรง เหลือเพียง *27 จุด* ในวันเสาร์ ซึ่งสะท้อนว่าตลาดเข้าสู่ภาวะ *‘ความกลัว’ (Fear)* ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ตัวเลขนี้ลดลงจากระดับ *‘ความโลภ’ (Greed)* ที่ *64 จุด* เมื่อวันก่อนหน้า ถึง *37 จุด*
ดัชนีดังกล่าวมักใช้เพื่อแสดงทิศทางอารมณ์ของนักลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัล โดยยิ่งตัวเลขต่ำ ยิ่งแสดงถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนมากขึ้น สำหรับกรณีนี้ นักวิเคราะห์มองว่าคำประกาศของทรัมป์เป็น *ปัจจัยหลักที่จุดชนวนความผันผวน* ในตลาดในระยะสั้น
โดยเมื่อวันศุกร์ ทรัมป์ได้ประกาศแบบสายฟ้าแลบว่า จะเรียกเก็บ *ภาษีนำเข้าสินค้าประเภทต่างๆ จากจีนในอัตรา 100%* ซึ่งคำพูดดังกล่าวได้จุดประเด็น *ความกังวลเรื่องสงครามการค้าระดับโลก* ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับกระตุ้นปฏิกิริยาระลอกใหม่จากตลาดคริปโต
*บิตคอยน์(BTC)* เป็นหนึ่งในสินทรัพย์แรกที่ตอบสนองต่อข่าวนี้ทันที โดยราคาบนตลาดฟิวเจอร์สแบบไม่มีกำหนดของ *ไบแนนซ์* ร่วงลงไปแตะ *102,000 ดอลลาร์สหรัฐ* (ประมาณ *1,417.8 ล้านบาท*) ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งถือเป็นการหยุดยั้งแนวโน้มขาขึ้นแบบฉับพลันและส่งผลให้ *ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอนอย่างชัดเจน*
ในภาพรวม ตลาดคริปโตเคยมีกลไกตอบสนองในลักษณะเดียวกันในอดีต เมื่อเกิด *ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค* โดยมักจะเกิดกระแสหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (risk-off) ทำให้ราคาปรับลดและอารมณ์ของนักลงทุนอ่อนแอลง ทั้งนี้ สถานการณ์ล่าสุดยังอาจบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของ *ความผันผวนทางราคาในช่วงสั้นถึงกลาง* สำหรับบิตคอยน์และเหรียญหลักอื่น ๆ ซึ่ง *ผู้เล่นในอุตสาหกรรมควรจับตาอย่างใกล้ชิด* ท่ามกลางนโยบายการค้าเชิงรุกของทรัมป์ที่อาจยังไม่ยุติลงง่าย ๆ
**ความคิดเห็น:** แม้ว่าภาษีจะเป็นเครื่องมือในการต่อรองเชิงการเมือง แต่ในโลกคริปโต การเคลื่อนไหวของราคายังขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นส่วนรวม ข่าวเชิงลบเช่นนี้จึงสามารถสั่นคลอนตลาดได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีผลกระทบจริงทางเศรษฐกิจในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0