คำเตือนเกี่ยวกับ *ภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม* ต่อระบบความปลอดภัยของบิตคอยน์(BTC) ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ เริ่มทวีความจริงจังมากขึ้น หลังมีผลการวิจัยชี้ว่าการเจาะกระบวนการลงชื่อดิจิทัลของบิตคอยน์อาจเกิดขึ้นได้เร็วเกินคาด ซึ่งสร้างความกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ CoinDesk ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดส์(Charles Edwards) ซีอีโอของแคปรีโออินเวสต์เมนต์(Capriole Investments) เปิดเผยว่า คอมพิวเตอร์ควอนตัมจะสามารถทำลายระบบลงชื่อด้วย ‘ลายเซ็นแบบเส้นโค้งวงรี’ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญด้านความปลอดภัยของบิตคอยน์ โดยต้องใช้ควอนตัมบิต (qubit) ที่สามารถใช้งานได้จริงเพียง ‘ประมาณ 700 ตัว’ เท่านั้น ซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่าน้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้มาก
ปัจจุบัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง *กูเกิล*, *ไอบีเอ็ม* และหน่วยงานวิจัยระดับชาติของจีน ต่างทุ่มเงินนับหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมจนถึงระดับนี้ ทำให้ภาพภัยคุกคามของบิตคอยน์จากควอนตัมไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
ปัญหาหลักอยู่ที่ ‘ความเร็ว’ ในการพัฒนา โดยจากผลวิจัยหลายฉบับพบว่า หากใช้ ‘อัลกอริธึมของชอร์’ (Shor’s algorithm) ก็สามารถเจาะรหัสจากกุญแจสาธารณะเพื่อย้อนกลับไปยังรหัสส่วนตัวได้ ด้วยควอนตัมบิตเพียง 700 – 2,300 ตัว ซึ่งถือว่าเข้าใกล้จุด ‘Q Day’ หรือวันที่ระบบความปลอดภัยของบิตคอยน์จะล่มสลายลง ความหมายของ Q Day คือวันที่หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างความปลอดภัย ก็เสี่ยงถูกแฮกเกอร์ถอดรหัสและขโมยสินทรัพย์ย้อนหลังได้ทันที
เอ็ดเวิร์ดส์กล่าวว่า “บิตคอยน์สามารถอยู่รอดจากความผันผวนของราคาและการลดจำนวนรางวัล(Halving) มาได้ แต่ไม่สามารถต่อรองกับตรรกะทางคณิตศาสตร์ได้” โดยให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า หากยังไม่มีการปรับปรุงระบบความปลอดภัยภายในปี 2026 การคาดการณ์ราคาบิตคอยน์ที่อาจแตะ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็อาจไม่มีทางเกิดขึ้น
ในปัจจุบัน สกุลเงินคริปโตส่วนใหญ่ยังคงใช้ระบบลงชื่อแบบเส้นโค้งวงรี (ECC) ซึ่งไม่สามารถต้านทานอัลกอริธึมควอนตัมได้เลย หากไม่มีการนำระบบความปลอดภัยแบบ ‘โพสต์ควอนตัมคริปโตกราฟี’ (Post-Quantum Cryptography) เข้ามาใช้งาน ก็มีความเสี่ยงสูงว่าประวัติการทำธุรกรรมและสินทรัพย์ทั้งหมด อาจถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยในอนาคตเมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้จริง
สำนักงานมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐ(NIST) ได้เริ่มกระบวนการมาตรฐานอัลกอริธึมที่ทนทานต่อควอนตัมตั้งแต่ปี 2022 และบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างกูเกิลก็ได้เริ่มทดลองใช้มาตรการป้องกันควอนตัมในระดับการสื่อสารเบราว์เซอร์แล้ว อย่างไรก็ตาม *ชุมชนบิตคอยน์ยังคงไม่ตอบสนองต่อภัยคุกคามนี้อย่างจริงจัง*
เมื่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมไม่ใช่เรื่องในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป แต่เป็นภัยคุกคามที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว วิกฤตความปลอดภัยของบิตคอยน์จึงกลายเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ชุมชนต้องจัดการ หาก *ไม่มีการเปลี่ยนแปลงก่อน Q Day* ความเชื่อมั่นในบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก อาจไม่สามารถรักษาไว้ได้อีกต่อไป
ความคิดเห็น 0