เมทามาสก์จับมือวอลเล็ตชั้นนำ เปิดตัวเครือข่ายต่อต้านฟิชชิ่ง หลังสูญคริปโต 400 ล้านดอลลาร์

ผู้ให้บริการกระเป๋าคริปโตชั้นนำ ประกอบด้วยเมทามาสก์, แฟนธอม, วอลเล็ตคอนเนกต์ และแบ็กแพ็ก ผนึกกำลังกับกลุ่มพันธมิตรด้านความปลอดภัย SEAL(Decurity Alliance) เพื่อจัดตั้งเครือข่ายรับมือฟิชชิ่งระดับโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเร่งด่วน หลังมีรายงานว่า มูลค่าทรัพย์สินกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5,560 ล้านบาท ถูกขโมยจากอาชญากรรมฟิชชิ่งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพียงอย่างเดียว

เมื่อวันที่ 10 เมทามาสก์ประกาศผ่านช่องทางอย่างเป็นทางการว่า การสร้างเครือข่ายดังกล่าวจะช่วยให้สามารถ ‘ปกป้องผู้ใช้งานในระบบนิเวศของคริปโตได้ดียิ่งขึ้น’ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแบ่งปันข้อมูลด้านความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังมุ่งยกระดับการป้องกันให้เหมือนเป็น ‘ระบบภูมิคุ้มกันแบบกระจายศูนย์’ ที่สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว

SEAL กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบใหม่นี้จะเปิดโอกาสให้ทุกคนทั่วโลกสามารถป้องกัน ‘การโจมตีฟิชชิ่งขนาดใหญ่’ ล่วงหน้าได้ พร้อมยืนยันว่าระบบจะถูกบริหารจัดการในแบบกระจายศูนย์ เพื่อให้การควบคุมเกิดขึ้นอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

ในเครือข่ายใหม่นี้ ทั้งเมทามาสก์, แฟนธอม, วอลเล็ตคอนเนกต์ และแบ็กแพ็ก จะร่วมกันแบ่งปันข้อมูลภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ เพื่อสนับสนุนการตรวจจับและตอบสนองต่อการโจมตีในทันที รวมถึงหยุดยั้งการสูญเสียสินทรัพย์ของผู้ใช้งานได้อย่างทันท่วงที

ระบบดังกล่าวเชื่อมต่อกับ ‘ระบบรายงานฟิชชิ่งที่ตรวจสอบได้’ ซึ่ง SEAL เพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยให้ผู้วิจัยด้านความปลอดภัยสามารถตรวจสอบได้ว่า เว็บไซต์ที่ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมฟิชชิ่งจริงหรือไม่ และสามารถตรวจสอบข้อมูลการแจ้งเหตุจากผู้ใช้ในเชิงเทคนิคได้ด้วย โครงสร้างเช่นนี้ ถูกมองว่ามี ‘ความแม่นยำและความรวดเร็ว’ ที่เหนือกว่าระบบแจ้งเตือนแบบดั้งเดิมที่พึ่งพาเพียงแค่รายงานจากผู้ใช้

แม้ว่าภูมิทัศน์ด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชนจะพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ ‘มูลค่าความเสียหาย’ ยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล โดยเฉพาะเมื่อ ‘สมาร์ตวอลเล็ต’ เริ่มได้รับความนิยม ก็ยิ่งทำให้การโจมตีแบบฟิชชิ่งมีความซับซ้อนและถี่ขึ้น ความร่วมมือระดับอุตสาหกรรมเช่นนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการรับมือกับวิกฤติความปลอดภัยดังกล่าว

*ความคิดเห็น*: หากมีโครงการหรือบริษัทเพิ่มเติมที่เข้าร่วมในเครือข่ายนี้ในอนาคต โครงสร้างความปลอดภัยของทั้งระบบนิเวศคริปโตจะยิ่งแข็งแกร่ง และอาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ