สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ ‘รัฐบาลสหรัฐปิดทำการ’ เข้าสู่วันที่ 24 ติดต่อกัน กลายเป็นวิกฤตใหญ่ที่สุดอันดับที่สองในประวัติศาสตร์ และกำลังเข้าใกล้สถิติสูงสุดที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง โดยในครั้งนั้นรัฐบาลปิดทำการยาวนานถึง 35 วัน ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้นำไปสู่ผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน่วยงานของรัฐหลายแห่งที่เริ่มมีอาการ ‘อัมพาต’ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐกว่า 2 ล้านคนไม่ได้รับเงินเดือน และในจำนวนนี้ 900,000 คน ถูกบังคับให้ลาหยุดโดยไม่ได้รับค่าจ้าง
ภาวะอัมพาตทางการบริหารนี้ ยังลุกลามถึงกำหนดการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะ ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)’ ประจำเดือนกันยายน ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดหลักที่ใช้กำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ถูกเลื่อนออกไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งสร้างความไม่สบายใจในหมู่นักลงทุนอย่างมาก เพราะข้อมูล CPI นั้นมี ‘ผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ’ ต่อทั้งตลาดการเงินและสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึง บิตคอยน์(BTC) ที่เคยมีความผันผวนสูงหลังการประกาศตัวเลขดังกล่าวในอดีต
‘ความคิดเห็น’ จากวงการวิเคราะห์เผยว่า มีโอกาสสูงที่ดัชนี CPI เดือนนี้จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า ซารา เฮาส์(Sarah House) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเวลส์ฟาโก เผยว่า ถึงแม้การประกาศข้อมูลจะล่าช้า แต่ ‘แรงกดดันเงินเฟ้อ’ ก็ยังคงอยู่ต่อ โดยเฉพาะในหมวดสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า
ตลาดกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดไปที่ ‘CPI พื้นฐาน’ ซึ่งไม่รวมราคาพลังงานและอาหาร กับหมวดบริการที่ไม่รวมค่าเช่าที่อยู่อาศัย แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตอย่างบิทฟิเนกซ์(Bitfinex) เปิดเผยว่า หากดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นเกิน 3.2% ต่อปี หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.35% ในรายเดือน ก็มีแนวโน้มที่ ‘อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะสูงขึ้น’ และจะเสริมความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ แต่ในทางตรงกันข้าม หากตัวเลขออกมาต่ำกว่าคาด อาจจุดชนวนให้เกิด ‘ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย’ กลับมาอีกครั้ง
แม้จะมีความไม่แน่นอนสูง แต่แนวโน้มหนึ่งที่ดูจะมีน้ำหนักมากขึ้นคือ เฟดอาจ ‘ลดอัตราดอกเบี้ย’ ภายในสิ้นเดือนนี้ และอาจพิจารณาอีกครั้งในเดือนธันวาคม ซึ่งตลาดการเงินเริ่มสะท้อนความเป็นไปได้นี้เข้าสู่การเคลื่อนไหวของราคาแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง บิตคอยน์(BTC) กลับมายืนยันระดับแนวรับสำคัญที่ช่วง 106,000~107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.47~1.49 ล้านบาท) ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม หลังจากกรณีเดือนสิงหาคมที่ ‘ราคาบิตคอยน์ร่วงแรง’ ภายหลังการประกาศ CPI ที่สูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนกังวลว่า ‘ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย’ หากตัวเลขในครั้งนี้ยังออกมาร้อนแรงอีกครั้ง นักวิเคราะห์ในวงการอย่าง เท็ด(@TedPillows) กล่าวเตือนว่า “หาก CPI ต่ำ อาจเป็นสัญญาณซื้อสำหรับบิตคอยน์ แต่ถ้าสูงกว่าคาด ควรเตรียมรับแรงกระแทกอีกระลอก”
ทว่า ความผันผวนของบิตคอยน์ก็เป็นสิ่งที่ ‘ไม่สามารถคาดเดาได้เสมอ’ เพราะบ่อยครั้งที่ราคาเดินสวนกระแสกับการคาดการณ์ของตลาด จึงทำให้ช่วงเวลาที่ CPI จะประกาศในค่ำคืนนี้ — ซึ่งตรงกับการประชุมของคณะกรรมการ FOMC — กลายเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญของบิตคอยน์* ที่นักลงทุนไม่ควรพลาด ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น โลกสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังอยู่ในจุดที่ ‘ความระแวงและคาดหวัง’ ประจันหน้ากันอย่างเข้มข้น
ความคิดเห็น 0