ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
นักลงทุนรายใหญ่ในเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) รายหนึ่งได้สร้างความฮือฮาให้กับตลาด หลังจากเคลื่อนย้ายสินทรัพย์มูลค่ามหาศาลอย่างต่อเนื่อง โดยรายงานระบุว่านักลงทุนรายนี้ถือครองอีเธอเรียมทั้งหมด 736,316 ETH หรือราว 2.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.01 แสนล้านบาท) และได้นำ 300,000 ETH ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.17 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.62 แสนล้านบาท) ไปฝากไว้ในแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) อย่างอาเว(Aave) ก่อนจะนำเทเธอร์(USDT) มูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 69.5 พันล้านบาท) เข้าไปยังคลังสินเชื่อแห่งใหม่
คลังสินเชื่อนี้เป็นโครงสร้างที่เพิ่งเปิดตัวโดยโครงการ DeFi อย่างคอนกรีตXYZและสเตเบิล มีรายงานว่าการฝากสินทรัพย์จากนักลงทุนรายนี้เพียงคนเดียวคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 64.5% ของสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้ทั้งหมดในระบบ ซึ่งรวมเป็นมูลค่าราว 775 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.07 แสนล้านบาท) *ความคิดเห็น*: กลายเป็นข้อกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับ ‘ความเสี่ยงจากการกระจุกตัว’ เพราะระบบอาจอ่อนไหวต่อการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งานรายใหญ่เพียงรายเดียว
ผู้เชี่ยวชาญในวงการมองว่านี่ไม่ใช่แค่การแสวงหากำไรระยะสั้นเท่านั้น หนึ่งในนักพัฒนาจาก DAO ที่โฟกัสกับอีเธอเรียมให้ความเห็นว่า การเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายใหญ่ในช่วงต้นนี้อาจเป็นสัญญาณของ ‘การฟื้นฟูความเชื่อมั่น’ ต่อระบบ DeFi ทั้งหมด และอาจส่งผลให้สถาบันการเงินหรือผู้เล่นรายใหญ่รายอื่นๆ ทยอยกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง
ในเวลาใกล้เคียงกัน เครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ก็ได้พบกับเหตุการณ์สะเทือนวงการไม่แพ้กัน โดยกระเป๋าเงิน ‘18eY9o’ ที่เคยร่วมขุดบิตคอยน์ตั้งแต่ปี 2009 ได้เคลื่อนไหวอีกครั้งหลังจากนิ่งเงียบมา 14 ปี ส่งเหรียญจำนวน 150 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 24 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.33 พันล้านบาท) ออกไปยังบัญชีนอก การเคลื่อนไหวของกระเป๋านี้ ซึ่งถือครองมากถึง 4,000 BTC ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของบิตคอยน์ สร้างแรงกระตุ้นให้เกิดความหวังต่อการกลับมาของ *นักลงทุนยุคแรกและผู้ถือเหรียญรายใหญ่*
การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ในปริมาณระดับยักษ์ทั้งในเครือข่ายอีเธอเรียมและบิตคอยน์ในช่วงเวลาที่ตลาดยังคงซบเซา เป็นเครื่องสะท้อนว่า *ผู้เล่นระดับบิ๊ก* กำลังกลับมาขยับตัวอีกครั้ง บางเสียงวิเคราะห์ว่าการปรากฏตัวของผู้ถือสินทรัพย์รายใหญ่เหล่านี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรใหม่ของตลาดคริปโต
นอกเหนือจากการเขย่าราคาชั่วคราวแล้ว นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งยังเชื่อว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบ DeFi ซึ่งหากบรรดานักลงทุนรายใหญ่เหล่านี้ยังคงมีบทบาท และเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง ก็อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่อง และการจุดความร้อนแรงของความสนใจในตลาดคริปโตครั้งใหม่อีกครั้ง
ความคิดเห็น 0