วิตาลิก บูเทอริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) ออกมาเปิดเผยรายละเอียดของโปรโตคอล **GKR (Goldwasser-Kalai-Rothblum)** ซึ่งถูกจับตามองในฐานะเทคโนโลยี ‘หลักฐานแบบไม่เปิดเผยข้อมูล (Zero-knowledge Proof)’ รุ่นถัดไป โดยในโพสต์บล็อกล่าสุดของเขา บูเทอรินได้อธิบายโครงสร้างและหลักการทำงานของ GKR ที่สามารถเพิ่ม *ประสิทธิภาพและการขยายตัว* ของเทคโนโลยี ZK ได้อย่างก้าวกระโดด พร้อมย้ำว่า GKR คือ ‘องค์ประกอบสำคัญ’ ของกรอบการทำงาน ZK ร่วมสมัย
GKR มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2015 และถูกออกแบบมาให้สามารถยืนยันผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและกระชับ โดยไม่ต้องตรวจสอบขั้นตอนระหว่างกลางทั้งหมด บูเทอรินเปรียบเทียบว่า “GKR เปรียบเหมือนนำข้อมูลไปจัดเก็บในโครงสร้างแบบ KZG หรือเมอร์เคิลทรี เพื่อให้สามารถตรวจสอบเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น” อีกทั้งยังอธิบายว่า หาก GKR ถูกนำไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยี ZK อื่น เช่น ZK-SNARK หรือ ZK-STARK ก็สามารถ *รับประกันความเป็นส่วนตัวในระดับสูง* ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม บูเทอรินได้ชี้แจงว่า GKR เพียงอย่างเดียวยังไม่ได้มีคุณสมบัติ ‘ความเป็นส่วนตัว (Privacy)’ โดยตรง แต่เป็นเทคโนโลยีที่เน้น ‘*ความกระชับ (Succinctness)*’ เป็นหลัก ซึ่งต้องอาศัยการประกอบกับเทคโนโลยี ZK อื่นเพื่อบรรลุความเป็น Zero-knowledge เต็มรูปแบบ นั่นทำให้ในปัจจุบัน GKR ถูกนำมาใช้เป็นกลไกหลักในระบบพิสูจน์การคำนวนของบล็อกเชน L2 รุ่นใหม่ เช่น zkEVM และ zkML บนเครือข่ายอีเธอเรียม
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยี GKR ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการพัฒนา *บล็อกเชน* เท่านั้น แต่ยังเริ่มขยายไปสู่การประยุกต์ในด้าน *ปัญญาประดิษฐ์ (AI)* โดยเฉพาะโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) บูเทอรินกล่าวว่า “ZK ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาความเป็นส่วนตัวระหว่างเลเยอร์ L1 กับ L2 อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นรากฐานของระบบความปลอดภัยในยุค AI” ซึ่ง *ความคิดเห็น* นี้ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของ GKR ที่อาจสร้างผลกระทบในระดับวงกว้าง
นอกจากนี้ บูเทอรินยังเปิดตัวโปรเจกต์ความปลอดภัยใหม่ชื่อ ‘โคฮาคุ (Kohaku)’ โดยย้ำถึงความจำเป็นในการมุ่งไปสู่ ‘*ความเป็นส่วนตัวระดับสูงสุด (First-class Privacy)*’ พร้อมแสดงเจตจำนงว่า “การปกป้องข้อมูลในอีเธอเรียมไม่ใช่แค่ฟีเจอร์เสริม แต่เป็น ‘*ลำดับความสำคัญหลัก*’ ของแพลตฟอร์ม”
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดที่ชัดเจนของบูเทอริน ซึ่งให้ความสำคัญต่อการกระจายอำนาจและความเป็นส่วนตัวในระบบอีเธอเรียม และยังเป็นสัญญาณว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนอาจก้าวข้ามขอบเขตของสกุลเงินดิจิทัล ไปสู่ *โครงสร้างพื้นฐานของสังคมดิจิทัลยุคใหม่* ในอนาคต
ความคิดเห็น 0