บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุ 112,000 ดอลลาร์ หลัง CPI สหรัฐต่ำกว่าคาด กระตุ้นความหวัง Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย

ราคาบิตคอยน์(BTC) พุ่งขึ้นทันทีหลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนกันยายนของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด ส่งสัญญาณว่า *เงินเฟ้ออาจเริ่มชะลอลง* ซึ่งช่วยกระตุ้นความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจสิ้นสุดวัฏจักรการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (BLS) เปิดเผยว่า CPI เดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.1% เล็กน้อย ขณะที่ CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมพลังงานและอาหารก็ขยายตัว 3% เช่นกัน ซึ่งถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน ตัวเลขดังกล่าวสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกอย่างฉับพลันในตลาดคริปโต โดยบิตคอยน์ที่เคยซื้อขายอยู่ราว 111,000 ดอลลาร์สหรัฐ พุ่งทะลุ 112,000 ดอลลาร์ได้ทันทีหลังข้อมูลเผยแพร่

สำหรับการเปิดเผยตัวเลข CPI ครั้งนี้ เดิมถูกวางกำหนดไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากผลกระทบจากการ ‘ชัตดาวน์’ ชั่วคราวของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ทำให้ตลาดให้น้ำหนักกับข้อมูลในครั้งนี้มากกว่าปกติ ก่อนหน้าการประกาศ นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าอัตราเงินเฟ้ออาจออกมาสูงกว่าคาดเนื่องจากสินค้านำเข้าหลายรายการได้รับผลกระทบจากภาษี แต่สุดท้ายตัวเลขจริงกลับสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน

*ความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์เสี่ยง* หลายฝ่ายมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันอาจผลักดันให้ Fed เริ่มเปลี่ยนแนวนโยบายการเงิน ความคาดหวังต่อการ ‘คงดอกเบี้ย’ หรือแม้แต่ ‘ลดดอกเบี้ย’ ในอนาคต จึงอาจทำให้เกิดแรงซื้อใหม่ในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉพาะ *บิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทอื่นๆ*

ขณะเดียวกัน ดัชนีหุ้นหลักของสหรัฐฯ ก็ปรับตัวขึ้นตามหลังการประกาศข้อมูลดังกล่าว ขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สดอกเบี้ยสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่ง *แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของตลาดสู่เฟสความเสี่ยง* ที่กำลังกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

แม้ในระยะสั้น ทิศทางของบิตคอยน์ยังคงมีความผันผวนและไวต่อเหตุการณ์การเงินที่สำคัญ แต่จนถึงตอนนี้ *‘ความโล่งใจ’ จากสัญญาณเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย* ได้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางตลาดคริปโต