กลุ่มองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ‘พับลิก ซิติเซน’(Public Citizen) ได้เรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐและสำนักงานจริยธรรมของรัฐบาลทำการสอบสวน กรณีที่ประธานาธิบดีทรัมป์โปรโมต ‘มีมคอยน์’ ของตัวเอง ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง
เมื่อวันที่ 5 (เวลาท้องถิ่น) พับลิก ซิติเซนได้ส่งจดหมายถึงจอห์น เคลเลอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานจริยธรรมของกระทรวงยุติธรรม และเดวิด ฮุยเทมา ผู้อำนวยการสำนักงานจริยธรรมของรัฐบาล โดยระบุว่าการที่ทรัมป์โปรโมต มีมคอยน์ของเขาเองอาจถือเป็นการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับ ‘การร้องขอของขวัญ’ นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างชาติอาจเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงทางด้านจริยธรรม
พับลิก ซิติเซนให้ความเห็นว่า “ทรัมป์กำลังขอเงินจากประชาชนโดยไม่ได้มอบสินค้าแบบจับต้องได้หรือมูลค่าการลงทุนที่แท้จริง ซึ่งถือเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว” ทั้งนี้ กฎหมายสหรัฐกำหนดให้ประธานาธิบดีสามารถรับของขวัญจากประชาชนได้ แต่ต้องไม่ใช่การบังคับหรือมีเงื่อนไขตอบแทนบางอย่าง
ทรัมป์ได้เปิดตัวมีมคอยน์ของตัวเองเมื่อวันที่ 17 มกราคม ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และได้ทำการโปรโมตสินทรัพย์ดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ‘ทรูธ โซเชียล’(Truth Social) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งพับลิก ซิติเซนมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจขัดต่อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลสูงสุดสหรัฐในปี 2024 ระบุว่าประธานาธิบดีมี ‘เอกสิทธิ์คุ้มครองโดยปริยาย’(Presumptive Immunity) ในการกระทำที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้ทรัมป์หลีกเลี่ยงความรับผิดทางกฎหมายได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ พับลิก ซิติเซนได้เสนอให้ยุติการขายมีมคอยน์และคืนเงินให้กับนักลงทุน
ขณะเดียวกัน มีมคอยน์ของทรัมป์เคยมีมูลค่าตลาดสูงถึง 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.3 ล้านล้านบาท) หลังการเปิดตัว แต่ภายหลังมูลค่าลดลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท) อีกทั้งยังมีข้อกังวลจากสมาชิกสภาคองเกรสบางส่วนว่าทีมงานของทรัมป์อาจควบคุมอุปทานของโทเคนมากถึง 80% ซึ่งอาจนำไปสู่การ ‘รั๊กพูล’ (Rug Pull) หรือการถอนสภาพคล่องออกจากตลาดอย่างฉับพลันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน
ความคิดเห็น 0