บิตคอยน์(BTC) ดิ่งหลุดแสนดอลลาร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้โครงสร้างตลาดยังแข็งแกร่ง

บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงต่ำกว่า 1 แสนดอลลาร์ ส่งแรงกระแทกถึงตลาดคริปโต แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการร่วงลงในรอบนี้ไม่ได้เกิดจาก ‘ปัจจัยโครงสร้าง’ แต่เป็นเพียง ‘แรงกดดันจากอารมณ์นักลงทุน’ ที่พังทลาย

การปรับฐานเกิดขึ้นหลังจากบิตคอยน์หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 107,000 ดอลลาร์ ดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ แตะระดับต่ำสุดที่ 21 ขณะที่ความคาดหวังว่าราคาจะขึ้นไปแตะระดับ 150,000–200,000 ดอลลาร์ก็หายไปจากโซเชียลมีเดียทันที การค้นหาคำว่า ‘บิตคอยน์’ บน Google ลดลงอย่างชัดเจนนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ตลาดอีเหรียญหรือ ‘อัลต์คอยน์’ ก็เข้าขั้นย่ำแย่ ด้วยดัชชีความเชื่อมั่นติดลบถึง -81 ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ย้ำว่า แม้ราคาจะดิ่งลง แต่ข้อมูล ‘ออนเชน’ ไม่ได้แสดงสัญญาณของการพังทลายทางโครงสร้าง ตลาดยังมีความเคลื่อนไหวอย่างมีเหตุผล ผู้ถือครองบิตคอยน์จำนวนมากเลือกถอนเหรียญออกจากตลาดแลกเปลี่ยน ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ถือเหรียญเริ่มต้องการควบคุมสินทรัพย์ของตนเองมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ผลขาดทุนที่ยังไม่ขายในระบบ UTXO มีเพียง 12% ของทั้งระบบ ซึ่งถือว่า ‘ห่างไกลจากภาวะยอมแพ้โดยสิ้นเชิง’

นอกจากนี้ เครือข่ายของบิตคอยน์ยังคงแข็งแรง อัตราแฮชอยู่ที่ระดับ 1.1 ZH/s ซึ่งสะท้อนว่า เหล่านักขุดยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยแรงขายจาก ‘วาฬ’ หรือผู้ถือครองจำนวนมากก็เริ่มลดลง สภาพคล่องในตลาดยังคงมีอยู่มาก โดยที่ไบแนนซ์มีการไหลเข้าของสเตเบิลคอยน์รวมมูลค่ากว่า 10.7 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็น ‘เงินรอซื้อ’ ที่อาจกระตุ้นสถานการณ์ให้กลับมาฟื้นตัวได้

คริปโตควอนต์ยังกล่าวว่า นักลงทุนสายยาวยังคงมีบทบาทหลัก บางส่วนมีการเทขายเพื่อทำกำไร ขณะที่ฝั่งพอร์ตใหม่ก็ยังดูดซับแรงขายนี้ได้ดี ด้านแพลตฟอร์มข้อมูลอย่างแซนติเมนต์(Santiment) ตั้งข้อสังเกตว่า บนโซเชียลมีเดีย คำยอดนิยมได้แก่ ‘แสนดอลลาร์’ กับ ‘BTC’ สะท้อนว่าการพูดคุยในตลาดเริ่มหันกลับมาโฟกัสที่ ‘สินทรัพย์หลัก’ อย่างบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) แทนที่จะเป็นเหรียญทางเลือก

แซนติเมนต์ยังระบุด้วยว่า ต้นสัปดาห์นี้เป็นหนึ่งในสามวันที่นักลงทุนมี ‘มุมมองเชิงลบ’ ต่อบิตคอยน์มากที่สุดในรอบ 6 เดือน และสองครั้งก่อนหน้านั้นที่ระดับความรู้สึกเช่นนี้เคยเกิดขึ้น ล้วนเป็นจุดต่ำสุดของรอบตลาดทั้งสิ้น อารมณ์ในฝั่งอีเธอเรียมนั้นถือว่า ‘ติดลบที่สุด’ นับตั้งแต่ร่วงหนักในเดือนตุลาคม

ในตอนนี้บรรดาเหรียญอัลต์คอยน์แทบไม่อยู่ในสายตาของตลาดอีกเลย ขณะที่นักลงทุนรายย่อยก็พุ่งเป้าไปที่เพียงแค่บิตคอยน์และอีเธอเรียม นักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่คือการเข้าสู่ช่วงของ ‘ความกลัวกระจุก’ ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนตลาดจะดีดกลับเสมอ

*ความคิดเห็น*: การปรับฐานในรอบนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ ‘พื้นฐานของระบบ’ ยังมีเสถียรภาพอย่างชัดเจน มันคือการช็อกเชิงจิตวิทยามากกว่าการเจอวิกฤติจริง