ทอม ลีแนะ 'ซื้อเมื่อราคาร่วง' แม้อีเธอเรียม(ETH) ดิ่ง 14% กดดันมูลค่าบริษัทบิทไมน์

ท่ามกลางกระแสการปรับฐานของอีเธอเรียม(ETH) ที่ร่วงลงอย่างหนัก นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตชื่อดังชาวสหรัฐฯ อย่าง *ทอม ลี* ยังคงถือท่าทีมองโลกในแง่ดี โดยได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) เรียกร้องให้นักลงทุน *‘ซื้อเมื่อราคาร่วง’ (Buy The Dip)* ท่ามกลางสถานการณ์ที่มูลค่าทรัพย์สินของบริษัท บิทไมน์ อีเมอร์ชัน(BitMine Immersion) ที่เขาร่วมก่อตั้ง กำลังเผชิญแรงกดดันจากราคาที่ตกต่ำของอีเธอเรียม

เมื่อวันที่ 24 บลูมเบิร์กรายงานว่า กองทุน ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสูงถึง 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านล้านบาท) ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ทอม ลีจึงได้แชร์รายงานนี้พร้อมข้อความว่า “BTFD” ซึ่งแสดงให้เห็นถึง *ความเชื่อมั่นในทฤษฎีการลงทุนแบบซื้อเมื่อตลาดตก* ที่เขายืนยันมาตลอดหลายปี

อย่างไรก็ตาม บิทไมน์ อีเมอร์ชัน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการเปิดเผยครอบครองอีเธอเรียมมากถึง 3,395,422 เหรียญ และบิตคอยน์(BTC) อีก 192 เหรียญ ก็กำลังได้รับผลกระทบในรอบนี้เช่นกัน โดยทรัพย์สินรวมที่อยู่ในการบริหารมีมูลค่าประมาณ 11,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4 แสนล้านบาท) ซึ่งภายหลังการร่วงของอีเธอเรียมเกือบ 14% ภายในสัปดาห์เดียว ทำให้มูลค่ารวมของบริษัทลดลงจนเข้าใกล้ระดับทรัพย์สินสุทธิ

ข้อมูลจากบล็อกเวิร์กส์รีเสิร์ช(Blockworks Research) ระบุว่า ขณะนี้ราคาหุ้นของบิทไมน์ซื้อขายอยู่ที่อัตราเทียบ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหุ้น (mNAV) ประมาณ 1.04 และอยู่ที่ 1.12 หากคิดแบบ Fully Diluted ซึ่งสะท้อนว่าตลาดกำลังประเมินมูลค่าบริษัท *ไม่สูงไปกว่าทรัพย์สินที่ถือครอง*

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคม ทอม ลีเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารฟอร์จูนว่า “บริษัทจดทะเบียนที่ถือครองคริปโตหลายแห่งกำลังถูกประเมินต่ำกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งอาจสื่อถึงสัญญาณของ ‘ฟองสบู่ที่ใกล้จะแตก’” ซึ่งคำเตือนของเขาในตอนนั้น กำลังย้อนกลับมาเชื่อมโยงกับสถานการณ์ของบริษัทที่เขานำในเวลานี้

นอกจากนี้ ยังมี *ความคิดเห็น* จากนักวิเคราะห์ว่าภาวะที่บิทไมน์ถูกประเมินมูลค่าต่ำกว่าทรัพย์สินที่ถืออยู่ สะท้อนถึงแรงซื้อขายแบบระแวดระวังของนักลงทุน ซึ่งคล้ายกับช่วงที่บริษัทการเงินที่เน้นสินทรัพย์อีเธอเรียมเคยประสบในอดีต

แม้ *ทอม ลี* จะยังยืนยันว่า “การปรับฐานคือโอกาส” แต่สถานการณ์ที่บริษัทของเขากำลังเผชิญอยู่ ก็ถือเป็นการทดสอบทั้งความเชื่อของเขาและความสามารถในการปกป้องมูลค่าธุรกิจ *บิทไมน์ อีเมอร์ชัน* ก็อาจต้องเผชิญช่วงเวลาสำคัญในการอธิบายต่อกลุ่มผู้ลงทุนในระยะอันใกล้นี้