ธนาคารกลางอังกฤษเสนอร่างกฎคุมสเตเบิลคอยน์ระบบ กำหนดทุนสำรองขั้นต่ำ-เพดานการถือครอง

ธนาคารกลางอังกฤษเดินหน้าวางกรอบกำกับ ‘สเตเบิลคอยน์’ เผยร่างกฎใหม่สำหรับโทเคนที่อิงเงินปอนด์ โดยเน้นควบคุมเข้มในฐานะเครื่องมือชำระเงินหลัก หากกฎมีผลบังคับใช้ จะมีการกำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องถือเงินทุนและทรัพย์สินสำรองในระดับเดียวกับธนาคาร

เมื่อวันที่ 24 ธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกรอบการกำกับดูแลสำหรับ ‘สเตเบิลคอยน์ระบบ(Systemic Stablecoin)’ ที่อิงเงินปอนด์ พร้อมเปิดรับข้อเสนอแนะจากสาธารณชนจนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2024 โดยตั้งเป้าจะประกาศใช้ข้อกำหนดอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า

ร่างแนวทางใหม่นี้กำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องกันเงินสำรองอย่างน้อย 40% ของภาระหนี้ทั้งหมดไว้กับธนาคารกลางอังกฤษโดยไม่รับดอกเบี้ย ขณะที่อีก 60% ต้องถือครองในรูปของพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินและปกป้องระบบการเงินในกรณีที่เกิดการไถ่ถอนขนาดใหญ่ ความเห็นของธนาคารระบุว่า วิธีการดังกล่าวจะช่วยเสริมเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือของกลไกเงินดิจิทัลในฐานะเครื่องมือการชำระเงิน

นอกจากนี้ ยังมีการเสนอเพดานการถือครองสเตเบิลคอยน์ โดยผู้ใช้ทั่วไปสามารถถือโทเคนได้ไม่เกิน 20,000 ปอนด์ต่อราย (ประมาณ 870,000 บาท) และมีเพดานขั้นพื้นฐานที่ 10,000 ปอนด์ ในขณะที่ลูกค้านิติบุคคลสามารถได้รับข้อยกเว้นให้ถือครองได้สูงสุด 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 435 ล้านบาท) หากสามารถแสดงความจำเป็นในเชิงธุรกิจได้

ธนาคารกลางอังกฤษระบุเพิ่มเติมว่า ร่างข้อเสนอครั้งนี้สะท้อนความต้องการที่จะวางกรอบกำกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะคล้ายเงินฝากธนาคาร โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่โทเคนเหล่านี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในระบบค้าปลีก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในภาพรวม

กฎเกณฑ์ใหม่นี้ถือเป็นก้าวแรกสู่การวางระบบชำระเงินดิจิทัลที่ใช้สเตเบิลคอยน์อิงกับปอนด์อังกฤษอย่างเป็นทางการ และยังถูกมองว่าเป็นการปูทางสำหรับการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง(CBDC) ในอนาคต หากข้อเสนอได้รับการอนุมัติ บริษัททุกแห่งที่ต้องการออกสเตเบิลคอยน์แบบนี้ในสหราชอาณาจักรจะต้องปฏิบัติตามแนวทางนี้อย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถให้บริการในประเทศได้ ความเห็นหนึ่งชี้ว่า แนวทางนี้อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในการควบคุมสเตเบิลคอยน์ในระดับสากลต่อไป