สตีเวน มิแรน หนึ่งในคณะกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) เปิดเผยว่า การเติบโตของ ‘สเตเบิลคอยน์’ ที่มีการผูกค่ากับดอลลาร์สหรัฐ อาจสร้างแรงกดดันต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะยาว
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ในการกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการประชุม BCVC Summit ณ กรุงนิวยอร์ก มิแรน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงความเห็นว่า สเตเบิลคอยน์อาจมีผลต่อการลด ‘อัตราดอกเบี้ยระยะยาวตามธรรมชาติ’ (Neutral Rate หรือ r-star) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเชิงทฤษฎีที่ไม่เร่งหรือหน่วงเศรษฐกิจ “หากอัตรานี้ลดลง สุดท้ายธนาคารกลางก็จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยตามลงมา” เขากล่าวเสริม
เขายังอ้างถึงการศึกษาภายในของเฟด โดยชี้ว่า ปัจจุบันตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลกมีมูลค่าราว 310.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.1 แสนล้านบาท แต่ภายใน 5 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาดนี้อาจพุ่งสูงถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 3,000 ล้านล้านบาท ซึ่งหากเป็นจริง ก็สะท้อนว่าสเตเบิลคอยน์จะมี ‘บทบาทเชิงมหภาค’ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อระบบเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน
*ความคิดเห็น:* การวิเคราะห์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นสัญญาณเปลี่ยนแปลงในการรับรู้ของเฟดต่อคริปโตอย่างสเตเบิลคอยน์ จากเพียงแค่เครื่องมือชำระเงินดิจิทัล ไปสู่การเป็นองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจจริงและนโยบายมหภาค
ท่าทีของมิแรนอาจมีนัยต่อทิศทางการพัฒนาเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC) และนโยบายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลภาคเอกชน โดยเฉพาะในบริบทที่ *สเตเบิลคอยน์กำลังกลายเป็นปัจจัยใหม่ในเกมนโยบายการเงินทั่วโลก*
ความคิดเห็น 0