ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
คณะกรรมการการซื้อขายสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าสหรัฐ(CFTC) กำลังอยู่ในระหว่างการหารือเพื่อผลักดันให้สามารถ *ซื้อขายคริปโตแบบสปอตพร้อมเลเวอเรจ* ได้ภายในประเทศ โดยมีความเป็นไปได้ว่าสินค้าดังกล่าวอาจเปิดตัวผ่านตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่จดทะเบียนกับ CFTC ภายในเดือนกรกฎาคมนี้
แครอลิน แพม(Caroline Pham) กรรมการของ CFTC เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X (อดีตทวิตเตอร์) เมื่อวันที่ 19 ว่า ขณะนี้กำลังหารือร่วมกับหลายแพลตฟอร์มในสหรัฐเพื่อ *อนุญาตให้มีการซื้อขายสปอตคริปโตที่มีเลเวอเรจ* พร้อมเสริมว่าสินค้าน่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยแผนการนี้นับเป็นการสานต่อนโยบายที่ CFTC เปิดเผยเมื่อสิงหาคมปีก่อนเกี่ยวกับการอนุญาตให้มีการซื้อขาย ‘สัญญาสินทรัพย์ดิจิทัลแบบสปอต’
ในครั้งนั้น แพมยืนยันว่า *ความคิดเห็นจากนักลงทุนรายย่อย* เกี่ยวกับการใช้เลเวอเรจ มาร์จิน หรือการยืมเพื่อเทรดคริปโตจะถูกรับฟังและนำมาพิจารณาในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อภาคตลาด
แม้สถานการณ์การ ‘ชัตดาวน์รัฐบาล’ ของสหรัฐยังคงดำเนินอยู่ แพมยังคงให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับภาคอุตสาหกรรมคริปโตอย่างต่อเนื่อง และปัจจุบันมีรายงานว่า CFTC ก็กำลังพิจารณาออกแนวทาง หรือ *guidance* สำหรับสินค้าเลเวอเรจแบบสปอตในประเทศด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี มีเงื่อนไขด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตามพระราชบัญญัติ Commodity Exchange Act สหรัฐระบุว่า *หากการซื้อขายด้วยเลเวอเรจหรือมาร์จินสำหรับนักลงทุนรายย่อยไม่มีการส่งมอบสินทรัพย์จริง (physical delivery) ภายใน 28 วัน จะถือว่าผิดกฎหมาย* ซึ่งหมายความว่า การซื้อขายคริปโตแบบเลเวอเรจในลักษณะใหม่นี้จะต้องกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 28 วันภายใต้กรอบกฎหมาย
‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ กำลังเผชิญแรงกดดันจากสถานการณ์ปัจจุบันในสภา เนื่องจากความล่าช้าในการผ่านงบประมาณทำให้หน่วยงานรัฐบางแห่งต้อง *หยุดปฏิบัติงาน* และพนักงานบางส่วนต้องรอรับเงินแบบไม่มีค่าตอบแทน อย่างไรก็ตาม ตามรายงานเมื่อวันที่ 19 วุฒิสภากำลังพิจารณา *งบประมาณชั่วคราว* ซึ่งหมายความว่า การยุติภาวะชัตดาวน์อาจเกิดขึ้นในเร็ววัน
นับเป็นครั้งแรกที่ผลิตภัณฑ์คริปโตประเภท *สปอตพร้อมเลเวอเรจ* จะเข้าสู่ตลาดสหรัฐอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะช่วยเพิ่ม *สภาพคล่องในตลาดคริปโต* และเป็นการขยายทางเลือกสำหรับนักลงทุน แต่ขณะเดียวกันก็มี *ความกังวล* เกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจสูงเกินไปและ *การคุ้มครองนักลงทุน* ที่อาจยังไม่ครอบคลุม โดยในอนาคต ประเด็นเกี่ยวกับรายละเอียดของแนวทางกำกับและกรอบกฎหมายจะกลายเป็น *จุดสนใจ* ของภาคอุตสาหกรรมและนักวิเคราะห์ทั่วทั้งตลาด
ความคิดเห็น 0