ชาร์ลส ฮอสกินสัน ผู้ก่อตั้งอีดา(ADA) แสดงความเชื่อมั่นอย่างสูงต่อไมเคิล เซลิก ว่าที่ประธานคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์(CFTC) คนใหม่ของสหรัฐฯ โดยระบุว่าเขาจะมี ‘บทบาทสำคัญ’ ในการขับเคลื่อนวงการสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งท่าทีนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวโน้ม ‘เป็นมิตรกับคริปโต’ ของหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ
เซลิก เคยเป็นหัวหน้าที่ปรึกษาด้านกฎหมายของทีมเฉพาะกิจคริปโตภายใน CFTC และยังเคยทำงานร่วมกับพอล แอ็ตกินส์ อดีตประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) ด้วย เขาเคยโพสต์ผ่านบัญชี X ของตนว่า จะผลักดัน ‘เสรีภาพ การแข่งขัน และนวัตกรรม’ เพื่อให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางของคริปโตระดับโลก
“ผมเชื่อมั่นว่า เซลิกจะทำหน้าที่ใน CFTC ได้อย่างยอดเยี่ยม” ฮอสกินสันกล่าว โดยสื่อถึงความหวังว่าการแต่งตั้งครั้งนี้อาจเป็น ‘จุดเปลี่ยนเชิงบวก’ สำหรับอุตสาหกรรมคริปโต
การแต่งตั้งเซลิกสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งล่าสุดเร่งขับเคลื่อนนโยบาย ‘เป็นมิตรกับสินทรัพย์ดิจิทัล’ เช่น กฎหมาย ‘GENIUS’ และ ‘CLARITY’ ที่ผ่านในช่วงต้นปี โดยทั้งสองฉบับต่างมุ่งเน้นการกำหนดกรอบกำกับที่ชัดเจนมากขึ้น และได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งนักลงทุนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ ‘CLARITY’ ที่ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานสู่การยอมรับคริปโตในระบบการเงินอย่างเป็นทางการ
ในขณะเดียวกัน หน่วยงาน SEC ก็เริ่มปรับเปลี่ยนจุดยืนเช่นกัน จากแนวคิดแบบปราบปรามมาเป็นการสื่อสารกับภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยหนึ่งในผู้ผลักดันหลักคือ เฮสเตอร์ เพียร์ซ คณะกรรมาธิการของ SEC ซึ่งจัดเวทีหารือหลายครั้งกับภาคส่วนต่าง ๆ ขณะที่คดีฟ้องร้องหลายคดี อาทิ บริบัทริปเปิล, ไบแนนซ์ และคอยน์เบส ต่างได้รับคำสั่ง ‘ยกฟ้อง’ จากศาลหลายกรณี ทำให้ความตึงเครียดระหว่างภาคธุรกิจกับหน่วยงานกำกับเริ่มผ่อนคลาย
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การแต่งตั้งครั้งนี้อาจนำไปสู่แนวนโยบายคริปโตที่ ‘ชัดเจนและสอดคล้องมากขึ้น’ ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะการลดความซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน และการขจัดความไม่ชัดเจนด้านกฎหมาย ซึ่งจะช่วยเร่งผลักดันให้คริปโตเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหลักในระยะยาว
รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์เคยออกนโยบายสนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชนมาแล้วหลายครั้ง และการแต่งตั้งใน CFTC ครั้งนี้ ก็ถูกมองว่าเป็น ‘การต่อยอดจุดยืนที่เป็นมิตรกับคริปโต’ โดยรวม ภาคคริปโตอาจกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากสภาวะความไม่แน่นอน สู่การบรรจบกับระบบกฎหมายอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้.
ความคิดเห็น 0